
8 สิงหาคม 2568 จากกรณีชาวบ้านกว่า 300 คน จากทั้งหมด 995 ราย ที่มีเอกสารสิทธิ์ และไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่มีที่ดินอยู่แนวเขตที่รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งทนายความ รวมตัวกันที่สนามฟุตบอลช้างอารีน่า อ้างสิทธิ์การครอบครอง โดยบางส่วนนำโฉนดที่ดินมาแสดง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568
โดยนายทิวา การกระสัง ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุชัดเจนว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาไม่ผูกพันองค์กรอื่น ไม่ผูกพันการรถไฟ ไม่ผูกพันที่ดินและไม่ผูกพันประชาชน คำพิพากษาของศาลที่ผูกพันองค์กรอื่นคือคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ส่วนนายชนินทร์ แก่นหิรัญ นักกฎหมาย ที่มาแสดงความคิดเห็นถึงข้อกฎหมายว่า ราษฎรทั้งหมดที่มีเอกสารสิทธิ์ 995 ราย กรมที่ดินเป็นคนออกให้ ประชาชนจะต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ์จากกฎหมายมหาชนนี้
จากกรณีนี้มีความเห็นจาก นักกฎหมายคนหนึ่ง ที่เคยทำข้อมูลอภิปรายซักฟอกเขากระโดง ระบุว่า
การที่ผู้บริหารสนามช้างฯและทนาย อ้างว่าคำพิพากษาศาลฎีกาไม่ผูกพันบุคคลผู้ครอบครองที่ดิน 995 ราย ไม่เป็นความจริง เพราะคำพิพากษามีผลผูกพันคู่ความ โดยอ้างอิงได้จากคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่พิพากษารองรับคำพิพากษาศาลฎีกาและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3
รวมทั้งคดีนี้ยุติแล้ว เนื่องจากกรมที่ดินไม่อุทธรณ์ในศาลปกครองกลาง
ส่วนที่ทนายความอ้างว่า รฟท. เพิ่งมาแสดงความเป็นเจ้าของเมื่อปี 2539 ไม่ถูกต้อง เนื่องจาก รฟท.เข้าไปหวงห้ามและโต้แย้งชาวบ้านตั้งแต่ปี 2510 กรณีชาวบ้านมีข้อพิพาทระหว่างกัน รวมถึง นายชัย ชิดชอบ สุดท้ายยอมเช่า
อีกทั้ง รฟท.และกรมที่ดินได้รับรองแนวเขตร่วมกันเมื่อปี 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถดำเนินการตามคำสั่งศาลได้ทันที
ทั้งนี้ การแถลงของทนายไม่ได้มีการอ้างอิงพยานหลักฐานถึงการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ว่าได้มาอย่างไร และมีพยานหลักฐานใดในการหักล้างคำพิพากษาของศาล
ดังนั้น เมื่ออธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินแล้ว ควรให้ รฟท.ฟ้องขับไล่รื้อถอน และเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง
หากศาลมีคำพิพากษาขับไล่รื้อถอน ชดใช้ค่าเสียหาย ย่อมเป็นการตอกฝาโลงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของ รฟท. โดยสมบูรณ์
ที่สำคัญ อาจดำเนินคดีในฐานความผิดเรื่องการออกโฉนดโดยไม่ชอบกับเจ้าหน้าที่ที่ดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 151 มาตรา 161
และดำเนินคดีต่อเจ้าของที่ดินตามมาตรา 86 ฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ แต่ต้องพิสูจน์เป็นรายแปลง เพราะบางรายอาจซื้อมาโดยสุจริต จากผู้ออกโฉนดโดยมิชอบ (ผู้ซื้อต่อมาไม่ผิด แต่ผู้ไปขอออกโฉนด มีความผิด)
หากพบว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตของเจ้าหน้าที่ที่ดินที่ออกโฉนดโดยมิชอบ ยังสามารถดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินได้ด้วย (โยงไปถึงผู้สนับสนุน ซึ่งอาจเป็นเอกชน หรือตระกูลการเมืองบางคน บางราย)
เรียกว่าตามเช็กบิลได้อีกหลายคน หลายกรรม หลายกระทง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ดินที่ออกโฉนดให้
นอกจากนี้ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแถลงของทนายความด้วยว่า ผู้แถลงไม่เข้าใจว่า ป.วิแพ่ง มาตรา 145(2) จริงๆ แล้วสามารถใช้อ้างยันกับบุุคคลภายนอกได้ มีการพยายามพูดให้เข้าใจผิด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้นักศึกษากฎหมาย ป.ตรี รู้ดีทุกคน เหตุผลที่แถลงไม่สามารถหักล้างการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ที่ดินของกรมที่ดินได้
“ถึงแม้ศาลจะได้กล่าวไว้โดยทั่วไปว่า ให้ใช้คำพิพากษาบังคับแก่บุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลด้วยก็ดี คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นย่อมไม่ผูกพันบุคคลภายนอก เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 142(1) มาตรา 245 และมาตรา 366 และในข้อต่อไปนี้
(2) คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินใด ๆ เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า
จากเหตุผลนักกฎหมาย เท่ากับการตอกฝาโลง ที่ดินเขากระโดง