
7 สิงหาคม 2568 ภายหลังการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยวิสามัญ (GBC) ระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 4-7 สิงหาคม 2568 โดยได้ข้อสรุปร่วมกัน และมีการทำบันทึก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยวิสามัญ ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย ดังนี้
การหยุดยิง
1. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการหยุดยิงด้วยอาวุธทุกชนิด ทั้งการโจมตีบุคคลพลเรือน เป้าหมายทางพลเรือนและเป้าหมายทางทหารของแต่ละฝ่ายในทุกกรณีและทุกพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการโจมตี ที่ไม่ได้เกิดจากการยั่วยุต่อที่ตั้งหรือกำลังของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยจะต้องไม่ละเมิดข้อตกลงนี้โดยเด็ดขาด
2. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ให้วางกำลังที่มีอยู่ในพื้นที่โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังที่ตั้งอยู่ นับตั้งแต่เวลาหยุดยิงเมื่อ 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 ก.ค.68 โดยจะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมทั้งการลาดตระเวนเข้าไปยังที่ตั้งของฝ่ายตรงข้าม
3. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันว่าจะไม่มีการเพิ่มกำลังเข้ามาตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งหากมีการเพิ่มเติมกำลังเข้าในพื้นที่แล้ว จะเป็นการเพิ่มบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างกันมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
4. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะละเว้นจากการดำเนินการยั่วยุใดๆ ที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารเพื่อรุกล้ำเขตน่านฟ้า ดินแดน หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย นับตั้งแต่เวลา 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 ก.ค.68 ซึ่งเป็นเวลาที่เริ่มหยุดยิง
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะละเว้นจากการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทางทหารล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน
5.ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการงดเว้นการใช้กำลังทุกประเภทต่อบุคคลพลเรือนและเป้าหมายทางพลเรือนโดยเด็ดขาด ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนตามในพื้นที่ชายแดนแล้ว ยังเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเวทีระหว่างประเทศของฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่ง จะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ
7. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันในการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ในเรื่องการปฏิบัติต่อทหารที่อยู่ในความควบคุมของฝ่ายตรงข้าม ทั้งการดูแลในเรื่องความเป็นอยู่ ที่พักอาศัย อาหาร และ การรักษาพยาบาลในกรณีได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการนำทหารหรือพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งไม่ได้อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายเข้ามารักษาพยาบาล ฝ่ายที่จะรับรักษามีสิทธิในการพิจารณาตามความพร้อมของสถานพยาบาล เวชภัณฑ์ บุคลากรทางการแพทย์ หรือจรรยาบรรณทางการแพทย์เป็นรายกรณี โดยทหารที่อยู่ในความควบคุมจะต้องได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศโดยทันทีหลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 118 ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ค.ศ. 1949 และกฎข้อ 128 (A) ของกฎหมายจารีตประเพณีของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติและโดยเร็ว ณ สถานที่ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ โดยให้การเคารพอย่างเคร่งครัดต่อหลักการมนุษยธรรมและเขตอธิปไตยโดยไม่มีการข้ามพรมแดน และรับประกันว่าจะมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อระบุอัตลักษณ์และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและให้ความเคารพ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เสียชีวิตสูญหายหลังความตาย
8. กรณีมีการขัดกันด้วยอาวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันหารือในระดับพื้นที่ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัวเป็นความขัดแย้งตลอดแนวชายแดน ซึ่งหากยืดเยื้อ จะทำให้กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและทหารของทั้งสองประเทศ และเป็นการสร้างความตึงเครียดระหว่างกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาร่วมกันมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
8.1 ดำรงการสื่อสารตามปกติระหว่างภูมิภาคทหารและหน่วยต่างๆ ตามแนวชายแดนของทั้งสองฝ่าย และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาในทุกประเด็นด้วยสันติวิธีและหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
8.2 จัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ภายในสองสัปดาห์หลังจากการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ตามระบบปกติในการหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ
8.3 ดำรงช่องทางการสื่อสารโดยตรงอย่างสม่ำเสมอในระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ
9. งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม
10. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมเพื่อลดความตึงเครียด ลดความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ
กลไกสำหรับการดำเนินการหยุดยิง
11. ทั้งสองฝ่ายดำรงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามความเข้าใจร่วมกันที่เกิดขึ้นในการประชุมพิเศษเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งนำโดยมาเลเซียเพื่อติดตามให้การหยุดยิงเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ในแต่ละพื้นที่ดำเนินการให้เกิดการหยุดยิงโดยมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียนนำโดยประเทศมาเลเซียประสานงานและสังเกตการณ์ ทั้งนี้ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) จะประชุมกันอย่างสม่ำเสมอและส่งรายงานไปยังคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) ผ่านสายการบังคับบัญชาระดับชาติของแต่ละฝ่าย
12. ในระหว่างรอให้มีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยประเทศมาเลเซียตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน ณ เมืองปุตราจายา เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทยหรือกัมพูชา และนำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศมาเลเซีย จะถูกจัดตั้งขึ้นในแต่ละประเทศ คือ กัมพูชาและประเทศไทย เพื่อสังเกตการณ์การหยุดยิงของแต่ละฝ่ายอย่างสม่ำเสมอ
โดยคณะ IOT ในแต่ละประเทศจะได้รับเชิญไปสังเกตการณ์จากประเทศเจ้าภาพ โดยมีการหารือกับประเทศมาเลเซีย คณะ IOT จะสังเกตการณ์โดยไม่ข้ามพรมแดน และจะประสานงานและปรึกษาหารือกับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) ของแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด
เวลาและสถานที่สำหรับการประชุมครั้งต่อไป
13. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ครั้งถัดไปภายในหนึ่งเดือนนับจากวันที่ 7 สิงหาคม 2025 (จะหารือเพื่อกำหนดสถานที่ต่อไป) หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้มีการเรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญโดยทันที โดยใช้รูปแบบเดียวกับการประชุม GBC สมัยวิสามัญในครั้งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการหยุดยิง