
นางกาญจนา ภัทรโชค หรือ ทูตเจี๊ยบ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม (อดีตอธิบดีกรมสารนิเทศและอดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ) พร้อมด้วยนายอัสรอฟ ศาสนกุล และนางสาวเยาวลักษณ์ สุทธิมนัส ที่ปรึกษา ได้เข้าพบนายอันดรีส กริฟฟรอย (Andries Gryffroy) รองประธานวุฒิสภาเบลเยียม คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาเบลเยียม-ไทย รวมถึงยังได้เข้าพบนางเปาลา ปัมปาโลนี (Paola Pampaloni) รองอธิบดีกรมเอเชียและแปซิฟิก และนางเล-ลา เฟอร์นันเดซ สเตมบริดจ์ (Leila Fernandez-Stembridge) ผู้อำนวยการกองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงการต่างประเทศสหภาพยุโรป, นายแซม ไชร-เนอร์ (Sam Schreiner) อธิบดีกรมเอเชีย กระทรวงการต่างประเทศลักเซมเบิร์ก และนางเบียร์กิท สตีเวนส์ (Birgit Stevens) รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเบลเยียม เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำว่า ไทยมิได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นความขัดแย้ง แต่จำเป็นต้องตอบโต้การโจมตีโดยกัมพูชา ที่มีเป้าหมายต่อพลเรือน และสถานที่พลเรือน เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ที่ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการก่อน ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยฝ่ายไทย มุ่งตอบโต้เฉพาะเป้าหมายทางการทหารเท่านั้น และปฏิบัติตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศและพันธกรณีอย่างเคร่งครัด พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นของไทย ในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ การใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา และการเคารพต่อกฎหมายและหลักสากล รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิงและกลไกการเจรจาหารือ
นางกาญจนา ยังยืนยันว่า ไทยไม่มีความมุ่งร้ายต่อประชาชนกัมพูชา และประสงค์กลับคืนสู่สันติภาพ และแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติ และยั่งยืน พร้อมยังได้ย้ำถึงปัญหาข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือบิดเบือนที่ปรากฏตามแหล่งต่าง ๆ ซึ่งจะยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ความเกลียดชังระหว่างกันให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น จึงได้ขอให้ฝ่ายสหภาพยุโรป เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก กลั่นกรองการรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ จากหลาย ๆ ฝ่าย โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ พร้อมที่จะให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ นางกาญจนา ยังได้ออกจดหมายจากเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่น) ถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บรัสเซลส์ไทม์ (Brussels Times) เพื่อชี้แจงถึงการรายงานข่าวของบรัสเซลส์ไทม์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีพาดหัวข่าวที่คาดเคลื่อนว่า “กัมพูชาเรียกร้องไทยหยุดยิงทันที” ว่า แม้กัมพูชาจะออกแถลงการณ์ดังกล่าว แต่การกระทำ กลับไม่ตรงกับคำพูด เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 กัมพูชาก็เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีพื้นที่พลเรือนในประเทศไทยก่อน ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชน โรงเรียน และโรงพยาบาล และในเช้าวันที่ออกจดหมายฉบับนี้ กองกำลังติดอาวุธของกัมพูชาได้ยิงปืนใหญ่เข้าใส่บ้านเรือนของประชาชน ในจังหวัดสุรินทร์ของไทย ซึ่งจนปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และยังมีพลเรือนไทยราว 140,000 คน ต้องอพยพ มีสถานพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง โดย 11 แห่งต้องระงับบริการทั้งหมด และอีก 8 แห่งต้องระงับบริการบางส่วน ประเทศไทยขอประณามการกระทำของกัมพูชาอย่างถึงที่สุด ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการโจมตีเป้าหมายพลเรือนในทันที และเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ด้วย และไทยมีสิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ตามบทบัญญัติมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และได้ใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างจำกัด เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและความมั่นคงของดินแดน
นางกาญจนา ยังระบุในจดหมายด้วยว่า ใครก็ตามที่รู้จักประเทศไทย จะทราบว่าไทยเป็นประเทศที่รักสงบ และมีเมตตา พร้อมขอเรียกร้องอย่างแรงกล้าให้ประชาคมระหว่างประเทศ ศึกษาสถานการณ์นี้อย่างจริงจัง และช่วยกันหยุดกัมพูชาไม่ให้โจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกเป้าหมายอีกต่อไป โดยขอให้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์บรัสเซลส์ไทม์ ได้ตีพิมพ์จดหมายฉบับนี้ และแชร์ข้อมูลนี้ให้กับผู้ผ่านบรัสเซลส์ไทม์ได้รับทราบด้วย
เช่นเดียวกับ นางสาวนิธิวดี มานิตกุล เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เข้าพบหารือกับนายแมททิส เราส์โตล (Mattis Raustol) รองอธิบดี Regional Department กระทรวงการต่างประเทศนอร์เวย์ เพื่อชี้แจง และให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่กระทรวงการต่างประเทศนอร์เวย์ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยังแจ้งด้วยว่า การที่มีสำนักข่าวนอร์เวย์ให้ข่าวบิดเบือนว่า ไทยเป็นผู้เปิดการโจมตีก่อนนั้น คนไทยในนอร์เวย์ไม่พอใจอย่างมาก ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศรักสงบ ไม่รุกรานประเทศอื่น ซึ่งการนำเสนอข่าวของสำนักข่าวในนอร์เวย์บางสำนักอาจสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้แก่ผู้ชมสถานเอกอัครราชทูตจึงได้ส่งข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อทำความเข้าใจกับสำนักข่าวต่าง ๆ ด้วยแล้ว
ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ได้ออกสาส์นถึงประชาชนคนไทยในสาธารณรัฐเช็ก ได้ขอความร่วมมือหากพบเห็นคลิป หรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่บิดเบือน ขอให้แจ้งสถานเอกอัครราชทูต พร้อมขอให้เชื่อมั่นสถานเอกอัครราชทูต และทีมประเทศไทย จะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์ชาติเต็มความสามารถ