svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของเพื่อไทย

“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของเพื่อไทย หลังศาลทหารตัดสิน “คดีน้องเมย” เรียกร้องนายกฯ ลงนามอนุสัญญา OPCAT ให้ กสม.-สหประชาชาติสอบซ้อมทรมานในค่าย

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังศาลทหารชั้นฎีกา มีคำพิพากษาจำเลยในคดีที่นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตหลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัย โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจาก ศาลเห็นว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ไม่เกิดประโยชน์ว่า กรรมาธิการฯ ทราบว่า ครอบครัวตัญกาญจน์ มีความพยายามที่จะรื้อฟื้นคดีในส่วนอาญา ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ จะช่วยรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด และสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรมว่า คดีนี้จะมีขั้นตอน และหลักเกณฑ์ในการรื้อฟื้นคดีอย่างไร พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้ คำพิพากษาถึงชั้นฎีกาโดยศาลทหารสูงสุดแล้ว แต่เรื่องนี้จะต้องทำงานให้ละเอียด โดยเฉพาะการรื้อฟื้นคดี พร้อมกับทวงถามสวัสดิการ ที่ควรจะได้ชดเชยให้ได้มากกว่านี้

“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของเพื่อไทย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร

ส่วนหลักการสูงสุดในการแก้ไขปัญหาแบบให้จบสิ้นนั้น นายวิโรจน์ เห็นว่า จะต้องแก้ไขกฎหมาย ที่ต้องให้ทหารที่กระทำการทุจริตทุกคดี-ทุกกรณี ขึ้นศาลอาญาทุจริต เพราะการทำร้าย การทารุณกรรมในค่ายทหารหลายกรณี ไม่ใช่การธำรงวินัย แต่เป็นการไม่สยบยอมกับกระบวนการทุจริตในกองทัพ หรือถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่าง ๆ จนถึงขั้นทารุณกรรมถึงบาดเจ็บหนัก และถึงขั้นชีวิต เข้าข่ายความผิดฐานทารุณกรรมและซ้อมทรมาน ดังนั้น จึงมั่นใจว่า หากยังมีศาลทหาร ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความยุติธรรม ก็ไม่มีทางที่จะทำให้วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดหมดไปได้

“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของเพื่อไทย

นายวิโรจน์ ยังยกคำที่ว่า “ผิดใจให้เปิดกฎ ผิดกฎให้เปิดใจ” ที่เมื่อทำความผิดชั่วช้าอย่างไร ถ้าสยบยอมภายใต้ระบบอุปถัมภ์ ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ก็อยู่กันได้ วิ่งเต้นช่วยกันได้ หรือถ้าผิดใจให้เปิดกฎ ฝ่าฝืนไม่ยอมทำตามคำสั่งรุ่นพี่รุ่นน้อง ก็พร้อมที่จะเปิดกฎหมาย และระเบียบทุกตัวอักษรเพื่อเล่นงาน ดังนั้น วัฒนธรรมแบบนี้กองทัพจะเป็นที่ไว้วางใจของพี่น้องประชาชนไม่ได้

 

นายวิโรจน์ ยังฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่า ถึงเวลาต้องลงสัตยาบันในพิธีสารเลือกรับอนุสัญญาต่อต้านการซ้อมทรมาน หรือ OPCAT ซึ่งจะทำให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ กสม.เข้ามาตรวจสอบกองทัพ เรื่องการซ้อมทรมานได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้กองทัพทราบล่วงหน้า มีคณะอนุกรรมการจากสหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบได้เช่นกัน พร้อมมั่นใจว่า จะไม่กระทบต่อความมั่นคง เพราะเป็นการเข้ามาตรวจสอบเฉพาะเรื่องการซ้อมทรมาน ไม่ใช่ตรวจสอบภารกิจด้านความมั่นคง

 

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน และให้รอลงอาญา และยังได้โอกาสรับราชการต่อเพื่อประโยชน์ว่า เป็นประโยชน์ของใคร จะนำคนที่ฆ่าพวกเดียวกันไปรับราชการทหาร หรือตำรวจหรือ? จึงฝากถึง 5 ผู้บัญชาการเหล่าทัพพิจารณาด้วย

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่ตกไปในวาระ 2 และ 3 ของสภาฯ ที่พรรคเพื่อไทย เคยทำแคมเปญล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน แต่พรรคเพื่อไทย กลับปัดตกเอง ทั้งนางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏภาพอยู่ในโปสเตอร์แคมเปญนี้ ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่เห็นความหมายแล้ว คณะกรรมาธิการฯ จึงจะรับจบในเรื่องนี้เอง โดยจะเปิดล่ารายชื่อภายในไม่กี่วันนี้ และจะยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง

 

:: กมธ.ทหารแสงความเสียใจครอบครัว “น้องเมย” ซัดกองทัพ ไม่เคยบังคับใช้กฎเกณฑ์เท่าเทียม-ตรวจสอบศาลทหารกันเอง - ปชน.จี้ ครม.เร่งเสนอกฎหมายแก้ พ.ร.บ.ป้องกันซ้อมทรมานให้การธำรงวินัยในค่ายทหารขึ้นศาลพลเรือน ::

“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของเพื่อไทย

ชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน

ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่ นายชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังศาลทหารชั้นฎีกา มีคำพิพากษาจำเลยในคดีที่นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตหลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัย โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจาก ศาลเห็นว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ไม่เกิดประโยชน์นั้น โดยได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียหาย ที่แม้คดีจะสิ้นสุดลง แต่ก็เกิดคำถามจากสังคมต่อมาตรการการตัดสินคดีของศาลทหาร รวมถึงการมีอยู่ของศาลทหาร ที่มีหน้าที่พิจารณาคดีบุคลากรของกองทัพ และมีผลลัพธ์ที่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่ได้รับความยุติธรรม พร้อมเห็นว่า กองทัพควรตระหนักในมาตรฐานประกาศ และระเบียบที่จะต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวด เพราะทุกครั้งที่มีการสูญเสีย กองทัพมักจะอ้างว่า ตนเองมีระเบียบชัดเจน แต่สุดท้ายเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังคงเกิดขึ้น เพราะกองทัพไม่เคยบังคับใช้มาตรฐานอย่างเท่าเทียมกัน และจบลงด้วยการสูญเสีย ซึ่งเมื่อเกิดเหตุกองทัพก็กลับไปพิจารณาในศาลทหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพเองผ่านวัฒนธรรมที่มีการตรวจสอบ และโยกย้ายกันเอง 

นายชยพล ยังตั้งคำถามต่อกรณีนี้ว่า บุคลากรต้นเรื่องที่ทำให้เกิดการสูญเสียนี้ และการได้รับโทษแค่เพียงเท่านี้ หรือการให้เหตุผลการรับใช้ชาติต่อเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์มากกว่านั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสมจริงหรือไม่ ซึ่งสะท้อนว่า กองทัพไม่ได้ตระหนักรู้ และยังยอมปล่อยให้บุคคลผู้นี้ รับใช้ราชการต่อได้  จึงขอฝากไปยังผู้บังคับบัญชาภายในกองทัพให้ต้องตระหนักรู้ได้แล้ว และถึงเวลาที่คุณจะต้องปรับปรุงระบบภายใน

“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของเพื่อไทย

เอกราช อุดมอำนวย สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน

ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ

ด้าน นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า ปัญหานี้ถูกตั้งคำถามต่อการกำหนดโทษที่ไม่ได้สัดส่วน และกระบวนการยุติธรรม ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดเกิดจากพระธรรมนูญศาลทหาร ที่ไม่เปิดให้สิทธิ์ผู้เสียหายที่เป็นราษฎร สามารถฟ้องทหารได้ แต่ต้องไปฟ้องผ่านอัยการทหาร ซึ่งก็มีผู้คัดกรอง แม้กระทั่งจะเป็นโจทย์ร่วมก็ไม่ได้ และระบบนี้ ยังอยู่ภายใต้อำนาจฝ่ายบริหาร หรือรัฐมนตรีว่าการระทรวงกลาโหม รวมถึงตุลาการที่พิจารณาคดี และอัยการที่ทำหน้าที่ฟ้อง ก็ยังเป็นพรรคพวกเดียวกัน ตนจึงตั้งคำถามว่า ระบบการพิจารณาแบบนี้หรือที่สังคมต้องการ และอยากให้ศาลทหารเป็นอิสระจากอำนาจฝ่ายบริหาร และมีกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลให้ได้สิทธิเท่าเทียมเหมือนศาลพลเรือน

“วิโรจน์” จ่อฟื้นแคมเปญ “ล่าทหารขึ้นศาลพลเรือน” ของเพื่อไทย

นายเอกราช ยังระบุว่า ขณะนี้ จะต้องช่วยกันผลักดันการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งขณะนี้ พรรคประชาชน ได้เสนอร่างกฎหมายบรรจุไว้ในระเบียบวาระแล้ว เพื่อต่อไปนี้หากมีการซ่อม หรือการธำรงวินัย จนเสียชีวิตในค่ายทหาร ในลักษณะเช่นนี้ จะเข้าข่ายการซ้อมทรมาน ซึ่งต้องไปขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงขอให้คณะรัฐมนตรี ได้รีบเสนอร่างกฎหมายเข้ามาด้วย เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งศาลทหาร และศาลพลเรือน พร้อมเปิดเผยว่า พรรคประชาชน ยังได้มีการยื่นยกเลิกศาลทหารออกจากรัฐธรรมนูญด้วย จึงขอให้ทุกคนช่วยกันผลักดัน