
22 กรกฎาคม 2568 เป็นอีกอีเวนท์สำคัญทางการเมือง กับงานดินเนอร์เลี้ยงรับประทานอาหารค่ำพรรคร่วมรัฐบาล มีพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท โดยมีรัฐมนตรี และ สส.พรรคร่วมรัฐบาล เข้าร่วมครบทุกพรรค โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และไฮไลท์สำคัญ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นบรรยาพิเศษบนเวที
ซึ่งหากจะมองจังหวะการปรากฎตัวของผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้จะพบว่า
- เป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อสำคัญของรัฐบาลใน 2 เรื่อง คือ
**พรรคภูมิใจไทยถอนตัว ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยเสียงปริ่มน้ำ
**นายกฯแพทองธาร ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว และมีแนวโน้มไม่ได้กลับมา
- การร่วมวงดินเนอร์กับพรรคร่วมรัฐบาล และเปิดให้ สส.เข้าหารือด้วย จึงมีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหา 2 เรื่องนี้
- เจ้าตัวมั่นใจ คดี 112 ผ่านแน่ และคดีชั้น 14 ตัวเองไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่โดน ก็จะหาทางเยียวยาภายหลังต่อไป
- จะมีการยืนยันความมั่นใจนี้ัต่อวงประชุมพรรคร่วมฯ และ สส. ว่าถึงอย่างไร อดีตนายกฯทักษิณ ก็ยังอยู่ในการเมืองไทย
- กระชับเสียงพรรคร่วมฯ ทั้งในระดับพรรค และ ระดับ สส.
- แก้ปัญหาพรรคร่วมฯ เสียงแตก ขัดแย้งกันเอง และแก้ปัญหา สส.เสียงปริ่มน้ำ
**การฝ่าสถานการณ์ร้อนทางการเมือง ที่เรียกได้ว่า “ลุยไฟ” ท่ามกลางปัญหากัมพูชา ทำให้ธีมงานเลี้ยงวันนี้ ใช้คำว่า “สามัคคีประเทศไทย ปกป้องอธิปไตย แก้ปัญหาเพื่อประชาชน” ซึ่งจะเป็น “ธีมของพรรคร่วมรัฐบาล” ที่จะสื่อสารกับสังคมและพี่น้องประชาชน โดยจะพูดให้ตรงกันทุกพรรค
**ความหวังลึกๆ ของ “คุณพ่อทักษิณ” คือ หากสถานการณ์พลิกกลับ ปัญหาไทย-กัมพูชาดีขึ้น ลูกสาว คือ นายกฯแพทองธาร อาจจะรอดกลับมา ก็จะอยู่ยาวไปจนถึงใกล้ๆ ปี 70 แต่หากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ก็จะจับมือพรรคร่วมฯไว้ให้มั่นคง โดยยึดธีม “สามัคคีประเทศไทย” ชูกระแสชาตินิยม แนวๆ อย่าตกเป็นเบี้ยล่าง หรือเป็นเหยื่ือ “ฮุนเซน” จึงต้อง “เซฟรัฐบาล” ไม่ใช่ “ไล่รัฐบาล”
- เตรียมความพร้อม (ตั้งแต่วันนี้) ล็อกเสียงพรรคร่วมฯไว้เหมือนเดิม และเปลี่ยนตัวนายกฯ เดินหน้าต่อ
- เสนอชื่อ คุณชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตเบอร์ 3 ของเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกฯแทน
**ถือเป็นการใช้สิทธิเต็มโควตาของเพื่อไทย ขณะที่แคนดิเดตคนอื่นยังไม่มีความพร้อม เช่น คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีคำร้องใน ป.ป.ช.
- ประคองสถานการณ์ ผ่านงบปี 69 อัดฉีดเม็ดเงินลงท้องถิ่น ผ่านงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน (รหัส งบ 157 - ที่เรียกกันวงใน) เพื่อให้เงินถึงมือรากหญ้า เตรียมเลือกตั้ง
- วางไทม์ไลน์ยุบสภาต้นปี 69 เลือกตั้งก่อนผู้ว่าฯ กทม.
**แต่จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ หากกระแสพลิกกลับ อาจอยู่ได้ต่อ ก็จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ แต่หลักการคือ ไม่เปลี่ยนข้างรัฐบาล และจะเป็นรัฐบาลรักษาการ รอเลือกตั้ง แล้วจับขั้วรัฐบาลเดิม ตั้งรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งต่อไป
และการแสดงท่าทีตอบโต้สังคมของ “บิ๊กเล็ก” พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กับระเบิดทำเกมพลิก - “บิ๊กเล็ก”ทำรัฐยิ่งเสียทรง
ปัญหาไทย-กัมพูชาขณะนี้ กลับมาสู่จุดเปลี่ยนอีกครั้ง และกำลังส่งผลทางการเมืองอย่างล้ำลึกกว่าเดิม
ไล่ดูไทม์ไลน์จะเห็นพัฒนาของปัญหา และการพลิกกลับไปกลับมาของสถานการณ์ เนื่องจากคู่ขัดแย้งทางการเมืองแต่ละฝ่าย มุ่งใช้ปัญหานี้เอื้อประโยชน์การเมืองของฝ่ายตน
- ช่วงแรกที่มีการปล่อยคลิปเสียงนายกฯแพทองธาร คุยกับสมเด็จฮุนเซน กระแสต้านนายกฯและรัฐบาลแรงมาก มีแต่เสียงเรียกร้องให้ลาออก หรือยุบสภา การชุมนุมของ “กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ดูเหมือนจะจุดติด
- ช่วงต่อมา สถานการณ์พลิกกลับ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคดีคลิปเสียงฮุนเซน และสั่งนายกฯแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่
**กระแสสังคมลดแรงต้านนายกฯและรัฐบาล ทำให้ม็อบหยุดเคลื่อนไหว เพราะเชื่อว่าสุดท้ายนายกฯไม่ได้ไปต่อ
- รัฐบาลพยายามพลิกเกม สร้างวาทกรรมชี้แจงกรณีคลิปเสียงฮุนเซน ผ่านทางอดีตนายกฯทักษิณ ที่พูดบนเวที 55 ปีเนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย และเริ่มมีนักกฎหมายกับผู้นำทางความคิดหลายคน ออกมาพูดในแนวทางที่เป็นประโยชน์ทางคดีต่อนายกฯแพทองธาร
- อดีตนายกฯทักษิณแสดงความมั่นใจเต็มร้อยว่าลูกสาวจะรอดคดี
- ฝ่ายกองทัพเริ่มชะลอความเข้มแข็งดุดันต่อกัมพูชา ฝ่ายรัฐบาลดูจะคุมเกมได้มากกว่า
- กระทั่งเกมพลิกอีกรอบ เกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดกัมพูชา ฝ่ายกองทัพชิงการนำจากรัฐบาล ดึงเรตติ้งกลับมาได้ และแสดงท่าทีชัดเจน เป็นเอกภาพ และเห็นผลเป็นรูปธรรมมากกว่ารัฐบาล ทำให้ได้แต้ม ส่วนรัฐบาลโดนวิจารณ๋์หนัก
- ท่าทีให้สัมภาษณ์ตอบโต้สังคมของ “บิ๊กเล็ก” ทำให้รัฐบาลยิ่งเสียเครดิต เพราะไม่ยอมตั้ง รมว.กลาโหม ตัวจริงด้วย ต้องใช้บริการ “บิ๊กเล็ก” ส่วน รมว.ต่างประเทศก็สวมบท “ขอมดำดิน”
- ล่าสุด กองทัพติดลมบน เตรียมปฏิบัติการปิดปราสาทตาเมือนธม ได้ใจประชาชน ขณะที่รัฐบาลแพทองธาร ยังมึนๆ งงๆ สั่งยกเครื่องวิธีการสื่อสาร ซึ่งล้มเหลวสิ้นเชิง
สถานการณ์แบบนี้ ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า นายกฯแพทองธาร รอดยากจริงๆ และอดีตนายกฯทักษิณ จึงต้องออกแรงหนักจริงๆ ในการล็อกแขน สส. และพรรคร่วมรัฐบาล ให้จับมือกันต่อไป