ฮือฮา! “เดอะแบก” แทรกวงถกภาษีทรัมป์ แบบโนสนโนแคร์คำวิจารณ์

12 กรกฎาคม 2568 การสร้างความเชื่อมั่นสไตล์ “เดอะแบก” ในแบบคุณทักษิณ จนรัฐบาลแพทองธาร ได้ฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” นั้น แม้ที่ผ่านมาจะโดนเสียงวิจารณ์หนัก แต่ดูเหมือนคุณทักษิณไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย 

การให้สัมภาษณ์พี่ๆ 3 บก. บนเวที “55 ปีเนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย” คนฟังทั้งประเทศบอกว่า คุณทักษิณอาการหนักขึ้นอีก ไม่ใช่แค่ “เดอะแบก” ให้ลูกสาว และรัฐบาลเพื่อไทยเท่านั้น ยังประกาศตัวเป็น “เดอะแบก” ของประเทศด้วย
 

ถึงขั้นประกาศว่า ตัวเองจะเป็น “สทร.” เพราะถ้าไม่เสือก หรือแส่ ก็จะไม่มีใครทำ และโจทย์ประเทศวันนี้แก้ยากจริงๆ
 

นัยแห่งคำพูดของท่านก็คือ (ในความเห็นของท่าน) มีท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มีความสามารถ และความพร้อมมากพอ ในการนำพาและแก้ไขวิกฤตของประเทศขณะนี้ได้ (อาจจะเพราะมีเวลา และมีลูกเป็นนายกฯด้วย คนอื่นไม่มีเหมือนท่าน) 



ล่าสุด ท่านก็โชว์พาวเวอร์ของ “สทร.ขั้นสุด” ด้วยการไปปรากฏตัวเข้าร่วมประขุม “ทีมไทยแลนด์” เตรียมเจรจาต่อรองเรื่อง “ภาษีทรัมป์” ที่บ้านพิษณุโลก

ภาพที่ออกมากลายเป็นไวรัล และวิจารณ์กันดังทั้งประเทศว่า ท่านเข้าประชุมในฐานะอะไร

 

 

แน่นอนท่านเป็นพ่อนายกฯ และ คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯควบ รมว.คลัง บอกว่าเป็นคนเชิญท่านเข้าประชุม เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์ แต่คำถามเชิงหลักการ ก็คือ

1.เรื่องที่หารือ เป็นความสำคัญระดับประเทศ และมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาจโยงถึงผลประโยชน์ทับซ้อน คนที่เข้าร่วมประชุมจึงควรมี “สถานะความรับผิดชอบตามกฎหมาย” และ “สถานะความรับผิดชอบทางการเมือง” ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า accoutabiluty ด้วยหรือไม่

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ รัฐมนตรีทุกท่านที่เข้าประชุม เป็นข้าราชการเมือง และถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

- ทุกคนต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน

- อยู่ใต้การควบคุมกำกับของกฎหมายอาญา มาตรา 157 (หากปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ก็มีความผิด เสี่ยงติดคุก)

- ทุกคนต้องรับผิดชอบทางการเมือง

สมมติ บางคนใช้ข้อมูลจากที่ประชุมไปสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจให้กับเครือข่ายพวกตนจนร่ำรวยมากขึ้น หรือทุจริตเชิงนโยบายจนธุรกิจของพรรคพวกเสียภาษีน้อยลง ก็อาจถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน หรือถ้าการเจรจาภาษีทรัมป์ล้มเหลว คนเป็นรัฐมนตรีก็เสียเครดิต ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ประชาชนก็อาจไม่เลือกท่านเข้ามาเป็น สส.หรือบริหารประเทศอีกต่อไป

แต่สำหรับคนไม่มีสถานะอะไรเลย ยกเว้นสถานะที่ไม่มีกฎหมายรองรับ เขาจะรับผิดชอบอะไร หากเกิดปัญหาขึ้นตามที่ยกตัวอย่างมาก

 

2.หลักการมีส่วนร่วม รับฟังความเห็นจากผู้มีความรู้ หรือประสบการณ์ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และนำมาใช้ได้ แต่ก็ควรเป็นเวทีที่เหมาะสมใช่หรือไม่ คงไม่ใช่เชิญเข้ามาแสดงความเห็นในเวทีที่ต้องตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่ง โดยบุคคลผู้นั้นไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบใดๆ เลย

3.รัฐบาลจะตอบสื่อต่างประเทศ หรือมีภาพลักษณ์อย่างไรในสายตาของรัฐบาลต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ว่าเหตุใดจึงอนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และต้องรับผิดชอบโดยตรงตามกฎหมาย ร่วมประชุมตัดสินใจ แถมรัฐมนตรีที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ยังแสดงท่าที่ต้อนรับขับสู้ อ่อนน้อมถ่อมตนด้วย หรือว่าประเทศนี้ขาดแคลนคนเก่ง คนมีความสามารถ ต้องพึ่งพาอดีตนายกฯเพียงคนเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่าสำหรับคนไทย รับรู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับต่างประเทศที่ไม่เข้าใจวิธีคิดหรือวัฒนธรรมแบบนี้ เราจะอธิบายเขาอย่างไร


 

แน่ใจหรือว่า “ทันการณ์” และ “ทันเกม”
 

ศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งปฏิบัติภารกิจทางวิชาการอยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศกับ “ช่าวข้นคนข่าว” ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องผิด และผิดมากด้วย ทั้งในเชิงนิตินัยและพฤตินัย น่าจะทำให้โดนนิติสงครามเล่นงานหนักขึ้น ทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด โดยเฉพาะลูกสาว

อาจารย์ฐิตินันท์ ยังตั้งคำถามว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปมาก เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า บุคคลที่เคยประสบความสำเร็จเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว แนวคิดของเขาจะยัง “ทันการณ์” และ “ทันเกม” อยู่เหมือน 25 ปีก่อน

อาจารย์ฐิตินันท์ ประเมินว่า สาเหตุที่คุณทักษิณต้องลงมาเล่นเอง เพราะต้องการช่วยลูกสาว ซึ่งก็พอเข้าใจได้ แต่ทางรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยควรตั้งตำแหน่งอะไรให้สักหนึ่งตำแหน่ง เพื่อป้องกันการครหา และถูกตั้งคำถามอย่างที่เป็นอยู่


 

มีส่วนร่วมได้ แต่ขอบเขตต้องชัด
 

รองศาสตราจารย์ ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาหลักการ 3 หลัก คือ หลักคุณธรรม หลักความรับผิดชอบ และหลักความโปร่งใส ยิ่งเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ในท้ายที่สุดจะต้องตอบโจทย์ผลประโยชน์สาธารณะด้วย

ฉะนั้นถ้าให้ตอบในแง่ของการบริหารราชการแผ่นดิน และการมีกฎหมายรองรับ รัฐบาลต้องตอบคำถามว่า คุณทักษิณมีขอบเขตในการเข้าไปมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องสร้างความกระจ่างชัด เพื่อป้องกันข้อครหา และอาจลุกลามไปสู่นิติสงครามเรื่อง “ครอบงำ - ชี้นำ”

เพราะต้องไม่ลืมว่า อีกด้านหนึ่งการเจรจาระหว่างประเทศ ยังหมายถึงความเชื่อมั่นทั้งจากภายในและภายนอกประเทศด้วย เรื่่องนี้เกี่ยวพันถึงหลักรัฐศาสตร์ หลักรัฐประศาสนศาสตร์ และหลักนิติศาสตร์ รวมกันอย่างแยกกันไม่ออก
 

ผิดชัดๆ ครม.ต้องรับผิดชอบ
 

ศาสตราจารย์​ด้านรัฐศาสตร์จากจุฬาฯ อีกท่านหนึ่ง คือ ดร.ไชยันต์ ไชยพร บอกแบบฟันธงสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “เรื่องที่คุณทักษิณทำนั้น ผิดแน่นอน และ คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ”