svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

พท.–ภท. งัดเกมซักฟอกสู้ หลังศาล รธน.สั่ง นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

อ่านเกม เพื่อไทย – ภูมิใจไทย งัดนิติสงคราม-ซักฟอกเดือด หลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่งนายกฯอิ๊งค์ หยุดปฏิบัติหน้าที่

พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ระหว่างรอคำวินิจฉัยกรณี สว. กล่าวหาว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการสนทนากับอดีตนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน เข้าข่ายให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว

 

ส่งผลให้อุณหภูมิการเมือง ร้อนแรงขึ้นทันที ศึกครั้งนี้ต้องยอมรับว่าใหญ่หลวงนักสำหรับเพื่อไทย

 

จากนี้ต้องจับตาว่าเพื่อไทย จะแก้เกมด้วยวิธีไหน ทางหนึ่งคือการขู่ซักฟอกกลับ พรรคภูมิใจไทย โดยขณะนี้มี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดีอีเอส เป็น “แม่ทัพ” ชูธงนำ “เปิดแผนพรรคน้ำเงิน”

 

งบประมาณ 2 กระทรวงที่คุณประเสริฐ เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ามีปัญหาและมีคนร้องเรียนให้ตรวจสอบ โดยคุณประเสริฐ และพรรคเพื่อไทย กำลังตรวจสอบอยู่อย่างขะมักเขม้น

พท.–ภท. งัดเกมซักฟอกสู้ หลังศาล รธน.สั่ง นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

หนึ่ง โครงการของกระทรวงศึกษาธิการ มีโครงการ “เช่าแท็บเล็ต” และอุปกรณ์ประกอบ สำหรับนักเรียนและครู เป็นเงินถึง 14,000 ล้านบาทเศษ ระยะเวลา 60 เดือน จำนวน 607,655 เครื่อง ค่าเช่า 14,000 ล้านบาท

 

เมื่อนำตัวเลขไปหารกัน จะได้ค่าเช่าต่อเครื่อง 24,117 บาท ซึ่งต้องย้ำว่า ไม่ได้มาเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ทรัพย์สินของทางราชการนะ เพราะเป็นการ “เช่า”

 

มีผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการและเทคโนโลยี ให้ข้อมูลว่า ราคาแท็บเล็ตเครื่องละ 24,000 บาท หากซื้อต้องได้สเปคสูงมากๆ ยิ่งซื้อเยอะระดับ 600,000 เครื่อง ราคาควรจะลงมาหลักพัน ไม่ใช่หลักหมื่น

นอกจากนั้นยังมีโครงการเช่าใช้ คลาวด์ อีก 2,800 ล้านบาท ระยะเวลา 65 เดือน แต่ปัญหาที่มีคนท้วงติงคือ รัฐบาลมีโครงการทำ เนชั่นแนล คลาวด์ คือ “คลาวด์ประเทศ” เป็น “คลาวด์กลางของส่วนราชการทุกหน่วย” อยู่แล้ว ต้องใช้เงินลงทุนเหมือนกัน แต่ลงทุนแล้วได้เป็นเจ้าของ จึงไม่ควรมาเสียเงินซ้ำซ้อน เช่าคลาวด์ของกระทรวงศึกษาฯแยกต่างหาก

 

พท.–ภท. งัดเกมซักฟอกสู้ หลังศาล รธน.สั่ง นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

ที่น่าสนใจคือ โครงการเช่าคลาวด์ ยังมีของกระทรวง อว. คือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมด้วย มูลค่าสูงถึง 5,413 ล้านบาท รวมการเช่าคลาวด์ 2 กระทรวง ใช้งบถึง 8,200 ล้านบาท หรือเกือบหมื่่นล้านบาทเข้าไปแล้ว แถมของ อว. ยังเช่าได้แค่ 48 เดือนอีกต่างหาก

 

ทั้ง 2 กระทรวงนี้ อยู่ในความดูแลของพรรคภูมิใจไทย ก่อนถอนตัวเป็นฝ่ายค้าน ล่าสุดทางพรรคเพื่อไทยเตรียมอภิปรายซักฟอกโต้กลับในสภา เป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ “อภิปรายฝ่ายค้าน” ให้สะเทือนเลื่อนลั่นแวดวงการเมือง

 

พท.–ภท. งัดเกมซักฟอกสู้ หลังศาล รธน.สั่ง นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

ด้าน นายสิริพงค์ อังคสกุลเกียรติ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาโพสต์ตอบโต้ทันที สรุป ว่า การตรวจสอบดังกล่าว เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วน อาจทำให้พรรคภูมิใจไทยเสื่อมเสีย ,  โครงการแจกแท็บเล็ต เป็นโครงการที่เริ่มตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี , โครงการที่ริเริ่มถูกตั้งข้อสังเกตมากมาย เพราะเคยแจกไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไม่สามารถใช้ได้จริง เนื่องจากไม่ใช่แท็บเล็ต แต่เป็นเหมือนเครื่องอ่านการ์ด

 

ภูมิใจไทยคิดถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปในโลกปัจจุบัน พยายามหาเทคโนโลยีที่อยู่ในตลาด ให้คนที่จะตรวจสอบไปลองดูเกี่ยวกับสเปค มีการแขวนทีโออาร์ ฟังประชาพิจารณ์ทั้งหมด 4 รอบ ฉะนั้นโครงการนี้โปร่งใสแน่นอน

 

การเผชิญหน้าในสภา ระหว่างเพื่อไทย กับ ภูมิใจไทย ซึ่งวันนี้ยืนคนละฝั่งกันชัดเจนแล้ว ถือเป็น “ศึกย่อย” ใน “ศึกใหญ่” ที่ว่าด้วยนิติสงครามที่รัฐบาลเพื่อไทยต้องเผชิญ

 

แม้หลายคนจะเชื่อว่า โค่นรัฐบาลยาก หากใช้กลไกสภา แต่การเดินเกมของภูมิใจไทยต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา และมี “ตัวช่วย” ไม่น้อย เช่น “สว.สีน้ำเงิน” กรรมการองค์กรอิสระ สีน้ำเงิน หรือสายบุรีรัมย์ และ “นายพล ส.” ซึ่งก็คือ “คนที่ลือกันแซ่ดว่าเป็นใคร”

 

ฉะนั้น ศึกย่อยนี้ อาจจะเป็น ศึกใหญ่ ซ้อนศึกใหญ่ ที่พารัฐบาลล้มได้เหมือนกัน

 

คุณผู้ชมดูปฏิทินการเมือง “ก.ค.ร้อนกลางฝน” จะเห็นได้ว่า วันที่ 3 ก.ค.2568 สภาเปิดสมัยประชุม ว่ากันว่า พรรคภูมิใจไทยถ้าระดมเสียง สส.ได้ครบ 99 เสียง จะยื่นซักฟอกรัฐบาล หรือนายกฯแพทองธารทันที

 

แต่หากยังหาเสียงได้ไม่ครบ ก็จะลุยเล่นเกมสภาต่อในวันที่ 9-10 ก.ค.2568 ที่จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายที่บรรจุเข้าระเบียบวาระไว้แล้ว หนึ่งในนั้นคือ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

 

กฎหมายนี้มีความสำคัญ เพราะรัฐบาลเห็นสถานการณ์ตัวเองไม่ค่อยดี เจอศึกเขมรตีกระหนาบ จึงมีแนวคิด “ถอย” หรือ “ถอนร่าง” ออกก่อน จากที่เคยเอาเป็นเอาตาย เสนอญัตติเลื่อนมาเป็นวาระด่วน ลำดับที่ 1 ล่าสุดวิปรัฐบาลเสนอเลื่อนกลับมาเป็น “วาระไม่ด่วน”

 

ปัญหาคือ หากมี สส.โต้แย้ง เช่น ภูมิใจไทย อยากจะ “กวนน้ำให้ขุ่น” หรือวัดพลังกันในสภา ก็อาจคัดค้านไม่ให้เลื่อน ก็ต้องมีการเสนอญัตติแล้วโหวตกัน หากรัฐบาลมีเสียงสนับสนุนไม่มากพอ หรือหา สส.มาโหวตสู้ไม่ได้  ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็อาจค้างเติ่ง เลื่อนไม่ได้ และต้องพิจารณาทันที จากนั้นภูมิใจไทยกับฝ่ายค้านพรรคอื่นก็อาจรุมอภิปราย และชิงโหวตคว่ำ ก็อาจเป็นได้

 

แม้งานนี้เพื่อไทยจะมีช่องทางแก้เกมได้หลายอย่าง แต่ก็เสี่ยงถูกวัดพลังไม่น้อยเหมือนกัน และน่ากังวลว่า การเป็นรัฐบาล “เสียงปริ่มน้ำ” ในบรรยากาศการเมืองแบบนี้ มีความเสี่ยงมากจริงๆ

 

ขณะเดียวกันมีหลายวาระร้อนกลางสายฝนเดือน ก.ค.2568 ยังมีคดี ม. 112 ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลนัดพร้อมคู่ความ ในวันที่ 1 ก.ค. 2568 เช่นกัน และจะเริ่มสืบพยานต่อเนื่องนับจากนี้ ผลของคดีแม้อดีตนายกฯจะมีความได้เปรียบ เนื่องจากเป็นการให้สัมภาษณ์เอาไว้นานแล้ว และเป็นการสัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ไม่มีคลิปต้นฉบับ จึงอ้างว่าคลิปหรือข่าวถูกตัดตอนได้

 

แต่คดีร้ายแรงอย่าง ม.112 ก็ส่งผลทางการเมือง เหมือนผูกขา อดีตนายกฯไว้เหมือนกัน เพราะทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้สะดวกสบายเหมือนไม่มีคดีใดๆ ค้างอยู่เลย

 

จากนั้น วันที่ 4 ก.ค.2568 อดีตนายกฯทักษิณ ยังมีคดีที่องค์คณะของศาลฎีกานักการเมือง นัดไต่สวนพยานเพิ่มเติมในคดีชั้น 14 ว่ากันว่า น่าจะทำให้ข้อกล่าวหา “ป่วยทิพย์” ถึงขั้นจนมุม และต้องมีคนรับผิด ส่วนจะเป็นอดีตนายกฯ หรือข้าราชการรับกรรม ต้องรอลุ้นกันต่อไป

 

ถัดจากนั้น วันที่ 16 ก.ค.2568 เป็นวันที่คณะไต่สวนของ ป.ป.ช. เรียกให้ “หัวหน้าพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน เข้าชี้แจงข้อกล่าวหา การแจกถุงยังชีพติดรูปตัวเอง

 

พรรครวมไทยสร้างชาติ ช่วงนี้กระเพื่อมหนัก และแรงกระเพื่อมทุกครั้ง ส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาลมากทีเดียว

 

เหล่านี้เป็นความเคลื่อนไหวของการเมืองร้อนแรง หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ นายกฯแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี