
27 มิถุนายน 2568 เพจเฟซบุ๊กดัง ปราชญ์ สามสี ระบุว่า
รู้หรือไม่...ทำไมกัมพูชา ไม่กล้าตัดน้ำ จากไทย เพราะประวัติศาสตร์ก็เคยสอนแล้วว่า...น้ำกับอำนาจนั้นแยกจากกันไม่ได้
ในอดีต…
จักรวรรดิอินคา เคยควบคุมผู้คนจำนวนมากด้วย “ระบบส่งน้ำ” ที่ซับซ้อนที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ใครอยู่ในอาณาจักร ก็ต้องพึ่งน้ำจากรัฐกลาง
แต่เมื่อเกิดการระบาดของไข้ทรพิษ และน้ำสะอาดขาดแคลน — รัฐแตกทันที
คล้ายกับที่ ยุโรปในยุคกลาง เคยเผชิญกาฬโรค เพราะไม่มีระบบสุขาภิบาล ไม่มีน้ำล้าง ไม่มีแหล่งน้ำปลอดภัย เมืองทั้งเมืองล่มเพียงเพราะ “น้ำเน่า”
กลับมาที่ ปอยเปต พ.ศ.นี้
1.ปอยเปตไม่มีน้ำเป็นของตัวเอง
น้ำประปาที่ใช้ในปอยเปตส่วนใหญ่…
ไหลมาจากฝั่งไทยแบบเงียบ ๆ แต่จำเป็นสุด ๆ
บริษัทเอกชนไทยเป็นคนต่อท่อสูบข้ามแดนเข้ามา
ถ้าโดนปิดวาล์วเมื่อไหร่ เมืองทั้งเมืองจะไม่มีน้ำใช้แม้แต่จะต้มบะหมี่!
เมืองไม่มีแหล่งสำรอง ไม่มีเขื่อน ไม่มีบ่อ ไม่มีกระติก
…แล้วจะให้ประชาชนไปเอาน้ำจากไหน? ฝนก็ไม่ได้ตกตามคำปราศรัยนะครับ
2.พอไม่มีน้ำ = เมืองแตกในไม่กี่วัน
พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ...
ไม่มีน้ำ = ไม่มีล้างจาน ไม่มีอาบน้ำ ไม่มีล้างขี้ ไม่มีต้มข้าว
แล้วโรคอะไรจะตามมา?
ท้องเสีย คันหัวนม ผื่นขึ้นตามตัว ตาแดง ยันโรคติดต่อที่หมอท้องถิ่นรักษาไม่ได้
ไม่ใช่แค่เหม็นเฉย ๆ แต่มันคือ "เมืองป่วย" ทั้งเมือง
3.คาสิโน–ค้าชายแดนพังพินาศ
อย่าลืมว่า คาสิโนที่ปอยเปต ไม่ได้ขายบุญ
แต่มันขาย "ความสะอาด สะดวก สะพรึง" ให้ลูกค้านักพนัน
ลองคิดดู... เดินเข้าบ่อนแล้วห้องน้ำไม่มีน้ำใช้ ใครจะอยู่?
นักลงทุนก็ไม่โง่ — ถ้าเสี่ยงขาดน้ำ เขาก็ไปเปิดบ่อนฝั่งเวียดนามหรือสะหวันนะเขตทันที
4.โครงการในประเทศยังเป็นแค่รูปใน PowerPoint
แม้จะมีการอ้างว่า “รัฐบาลเตรียมขยายระบบประปา” ด้วยงบ 60 ล้านดอลลาร์
แต่โครงการนี้ยังอยู่ในขั้นตอน "ปล่อยข่าว" มากกว่า "ปล่อยน้ำ"
ปอยเปตยังไม่มีแผนสำรองจริงจังใด ๆ ทั้งสิ้น
5.มวลชนพร้อมปะทุ ถ้า “เจตนา” ตัดน้ำ
คนในพื้นที่ไม่ใช่ไม่เคยบ่นเรื่องน้ำ — เขาบ่นประจำ
แต่ถ้ารัฐบาลถึงขั้น "จงใจตัดน้ำ" เพื่อทำสงครามเชิงสัญลักษณ์กับไทย
ก็เท่ากับประกาศสงครามกับประชาชนตัวเองด้วย
เพราะใคร ๆ ก็ทนร้อนได้
แต่ไม่มีใครทน “เหม็น” ได้หรอกครับ
สรุปง่าย ๆ
“รัฐใดที่ควบคุมไม่ได้แม้แต่น้ำของตัวเอง ก็ไม่อาจควบคุมเสถียรภาพของอำนาจตนได้ในระยะยาว”
ฮุน มาเนตรู้... ถึงไม่กล้าพูดเรื่องตัดน้ำ
ภาพและข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊กดัง : ปราชญ์ สามสี