
26 มิถุนายน 2568 พ.อ.หญิง ดังใจ สุวรรณกิตติ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาตามแนวชายแดนที่ผ่านมา และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม และวิเคราะห์สถานการณ์แนวชายแดนอย่างใกล้ชิด ครอบคลุมข้อมูลข่าวสารด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงภายในกัมพูชา โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกำลังรบ และยุทโธปกรณ์ใกล้แนวชายแดน ที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
นอกจากนี้ หน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนจะต้องบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับพื้นที่กับกองกำลังฝ่ายกัมพูชา ภายใต้กลไกสันติวิธีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน พร้อมทั้งสั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการทูต และติดตามนโยบายต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อเสนอแนะแนวทางการดำเนินนโยบายที่เหมาะสมต่อไป
ด้านความมั่นคงภาคสนาม หน่วยกองกำลังป้องกันชายแดน โดยเฉพาะหน่วยในระดับพื้นที่ ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย เพิ่มการลาดตระเวนและจุดตรวจ พร้อมเน้นย้ำให้กำลังพลมีวินัย ตื่นตัว และเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ โดยตั้งสังเกตสิ่งผิดปกติ ตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย หรือกลุ่มผู้ไม่หวังดี รวมถึงจุดเวรยามอย่างสม่ำเสมอ และให้รายงานผู้บังคับบัญชาโดยเร็วที่สุด เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อาจกระทบความมั่นคง
ทั้งนี้ ยังได้สั่งให้ทุกหน่วย ยกระดับมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อรับมือการโจมตีจากกลุ่มแฮกเกอร์กัมพูชาโดยเร่งด่วน และให้มีการติดตาม เฝ้าระวัง แลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามกับ หน่วยงานพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจ้งเตือนหน่วยที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อตรวจพบภัยคุกคาม
พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้กองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ จัดทำแผนการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อาจนำไปสู่การใช้กำลังทหาร เช่น แผนรับมือผู้หนีภัยจากการสู้รบ , แผนรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน , แผนช่วยเหลือพลเรือน และแผนการใช้กำลัง โดยเฉพาะหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวไทยในกัมพูชา และการอพยพกลับประเทศ
รวมทั้งแผนเสริมกำลังเมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้น โดยให้เตรียมยุทโธปกรณ์ อาวุธประจำหน่วยและประจำกาย โดยเฉพาะกระสุนและวัตถุระเบิดให้เพียงพอ และพิจารณาปรับแผนงาน โครงการและงบประมาณเพื่อซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ และจัดหาสิ่งอุปกรณ์ที่ขาดแคลน
พร้อมทั้งมอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำรายงานสถานการณ์แบบบูรณาการ เสนอแนวทางการเตรียมการเพื่อตอบสนองสถานการณ์ และรักษาเสถียรภาพชายแดนในทุกมิติ
ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหม ดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพภายใต้กรอบและนโยบายของรัฐบาล โดยยึดแนวทางของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา