svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"กษิต" ตั้งสองประเด็น ปมพิพาทชายแดน"ไทย-กัมพูชา"ระอุ เหตุใด "ฮุนเซน" ร้อนรุ่ม

"กษิต" ชวนค้นหาความจริง เหตุใด "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ผู้มีความสัมพันธ์อันดี กับครอบครัว"ฮุนเซน" ถึงไม่ออกมาช่วยไกล่เกลี่ยปมพิพาทชายแดน "ไทย - กัมพูชา" จี้รัฐบาล"แพทองธาร" เปิดเผย รายงานการประชุม"เจบีซี" ฉบับเต็ม

16 มิถุนายน 2568 นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ เปิดเผย เนชั่นทีวี ต่อข้อสังเกต ทำไม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวฮุนเซน อดีตผู้นำกัมพูชา ถึงไม่ออกมาช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาข้อพิพาทดินแดน ไทย-กัมพูชา ว่า เรื่องนี้ สื่อ และรัฐสภา ต้องไปถามนายทักษิณว่า เมื่อนายทักษิณพูดทุกเรื่อง เคยบอกรู้จักผู้นำโลกเยอะแยะ แต่พอถึงวันนี้เรื่องสำคัญที่สุดของประเทศไทย ณ วันนี้ ทำไมไม่พูดกับฮุนเซน ทำไมนายทักษิณไม่กล้าพูด ทักษิณกลัวฮุนเซนหรือเปล่า เป็นเรื่องที่ทักษิณต้องชี้แจง หรือมีอะไรในมือฮุนเซน - ฮุน มาเนต ที่ทำให้ นายทักษิณต้องปิดปาก

 

"เรื่องนี้ผมไม่รู้ลึกตื้นหนาบาง ผมอาจเดาก็ได้ว่า  1. สิ่งที่คุณทักษิณเคยให้คำมั่นสัญญากับฮุนเซน ยังไม่สามารถส่งมอบให้ฮุนเซนได้ ฮุนเซนอาจเจ็บใจ ก็อาจสั่งสอนคุณทักษิณ ว่าไม่ได้เรื่องไม่ได้ความไม่ต้องการข้องแวะด้วย 2 .อาจเป็นอีกทฤษฎี ณ วันนี้ ฮุนเซน – ฮุน มาเนต มีประเด็นปัญหาความสั่นคลอนอำนาจเด็ดขาดภายใน จึงเอาความสั่นคลอนนี้ หันเหความสนใจประชาชน แล้วเอาเรื่องเขตแดนไทยกัมพูชา มาเป็นจุดเริ่มต้น และระดม ความคลั่งชาติได้ ก็เป็นสองทฤษฎี ที่ให้ สื่อมวลชน นักวิชาการไปช่วยสอบถาม คุณทักษิณ ผิดใจกับฮุนเซนเรื่องอะไรแน่ ทำให้ฮุนเซนอยากสั่งสอนคุณทักษิณ ขณะที่คุณทักษิณไม่กล้าพูดเพราะคุณทักษิณมีจุดอ่อนที่ทำให้ฮุนเซนบีบทุกขณะได้"

กษิต  ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ

ทั้งนี้ นายกษิต ย้ำว่า ขอให้ไปค้นหาความจริงให้ได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเพราะการเมืองภายในกัมพูชา หรือสั่งสอนนายทักษิณ เรื่องแหล่งพลังงานที่ไม่สามารถส่งมอบได้สักที

ชี้ นายกฯอิ๊งค์ เริ่มตั้งหลักได้

อดีตรมว.ต่างประเทศ มองบทบาทแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาแถลง ปมพิพาท ไทย – กัมพูชา ด้วยท่าทีดุดันขึ้นโดยเฉพาะพุ่งเป้าไปที่ ฮุน- มาเนต นายกฯกัมพูชา ที่ต่อสายพูดคุยอย่างหนึ่ง แต่ไปสร้างข่าวอีกอย่างหนึ่งว่า คิดว่า นายกฯแพทองธาร เริ่มมี ความเป็นนักการเมือง เป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น และได้เริ่มเห็นธาตุแท้ตระกูลฮุนมากขึ้นว่าเป็นคนสัปปลับ

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

"เขาไม่เคยหวังดีต่อสังคมไทย มักใช้สังคมไทยเป็นกระสอบทราย มีปัญหาอะไรต้องกระทืบไทยก่อน แล้ววิ่งไปฟ้องศาลโลก ไปสหประชาชาติ ไปอาเซียน แล้วเอาเมืองไทยเป็นเครื่องมือกลไกเสริมสร้างสถานะทางการเมือง หวังว่า น.ส.แพทองธาร และครม. เริ่มตระหนักแล้ว เราต้องดำเนินนโยบายด้วยความชาญฉลาด และมีข้อมูล ที่สำคัญต้องมีความหนักแน่น  นายกฯจะพูดเปาะแปะๆ ต่อไปไม่ได้  ต้องพูดอะไรที่เป็นกิจลักษณะ ที่สำคัญนายกฯและครม.ต้องฟังข้าราชการ ทหาร และกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนแง่มุมทางกฎหมายก็ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกา นักวิชาการที่มีความสามารถกฎหมายระหว่างประเทศ นายกฯปรึกษาเพื่อกำหนดท่าทีชัดเจน และสั่งการไป อย่างเป็นเนื้อหาสาระ"

 

จี้รัฐบาลเปิดรายงานประชุมเจบีซี ฉบับเต็ม

นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว. ต่างประเทศ กล่าวกับเนชั่นทีวี ถึงกรณีที่มีเสียงเรียกร้องเครือข่ายภาคประชาชน ให้รัฐบาลเปิดเผยบันทึกการประชุมเจบีซี ไทย – กัมพูชา ฉบับเต็ม ว่า เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย และสังคมประชาธิปไตยตอนนี้ คือ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสาธารณชน แล้วการเปิดเผยข้อมูลของฝ่ายรัฐ และการมีส่วนร่วมความเป็นไปของบ้านเมือง

กษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ

เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ ก่อนไปร่วมประชุม ท่าทีเจรจา แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ได้เตรียมการมากน้อยแค่ไหน อย่างน้อย ควรให้ครม.รับทราบ และอาจพูดคุยเป็นการภายใน ระหว่างฝ่ายบริหาร กับกมธ.ต่างประเทศ คณะกรรมการกิจการชายแดน ของรัฐสภาได้ อยู่ในวิสัย เพราะว่าครม. และเสียงส่วนใหญ่ ก็เป็นแกนนำเพื่อไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น เป็นความล้มเหลว ของครม.และเพื่อไทย ต้องปรับปรุงตัวเอง

สอง เมื่อมีการเจรจาที่พนมเปญ ก็นำผลการเจรจามารายงานให้สาธารณชนทราบ สิ่งที่ควรเกิดขึ้น คือ หัวหน้าคณะเจรจา ผู้แทนทั้งสอง ควรออกมาแถลงการณ์ร่วมที่พนมเปญ ไม่ใช่ต่างคนต่างออกแถลงการณ์ อันไหนที่ตกลงกันได้ อันไหนตกลงไม่ได้ บอกประชาชนทั้งสองประเทศ ดีกว่าทำให้เกิดความสับสนเหมือนตอนนี้ เมื่อสับสนก็เป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสองประเทศต้องชี้แจง

"ความจริง การประชุมเจบีซี ตั้งแต่ปี 2543 ควรมีการประชุมทุกเดือน เพราะระยะเขตแดนยาว 700 กว่ากิโลเมตร ต้องมีการเดินสำรวจ บันทึกภาพ จึงตั้งคำถามว่า ทำไมหายไปสิบเดือน นายกฯ และรมต.ต่างประเทศ หรือ อดีตรมว.ต่างประเทศ หรืออธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ที่ผ่านมาสองสามคน ต้องออกมาชี้แจงทำไมถึงติดขัด ไม่คืบหน้า มีปัญหาอะไร ทั้งหมดสามารถให้ความกระจ่างต่อสาธารณชนได้ และรัฐสภา ควรเปิดเวที ให้ฝ่ายบริหารชี้แจง และอาจเชิญนักวิชาการ สื่อมวลชน ขบวนการทางการเมืองที่มีความเห็นต่างไปชี้แจงทางสภาได้ ไม่มีอะไรต้องปิดบังเลย เพราะเป็นเรื่องเขตแดน ยาว 700 กว่ากิโล เสาที่ปักหลักทำกับฝรั่งเศส มีประมาณ 70 กว่าเสา หายไปแล้ว 40 เสา รัฐบาลทั้งสองต้องออกมาพูดผ่านรมต.ต่างประเทศ หรือผ่านประธานกมธ.ร่วมเจบีซี จะเริ่มสำรวจ 30 เสาเมื่อไหร่ อย่างไร ให้ความรู้ความกระจ่าง ไม่มีอะไรในกอไผ่ เป็นสังคมประชาธิปไตย ต้องให้ข้อมูล"

“เมื่อไม่ให้ข้อมูล ก็จะเกิดการคาดเดา แล้วจะมีขบวนการผสมโรง พวกไม่ชอบรัฐบาลจะใช้ตรงนี้เป็นเครื่องมือ พวกอยากคลั่งชาติก็ใช้ส่วนนี้เป็นเครื่องมือ แต่มันอยู่ในวิสัยที่ ผู้นำชื่อ ทักษิณ แพทองธาร รมต.ต่างประเทศ  อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เลขาสมช. สามารถชี้แจงต่อรัฐสภา และสาธารณชนได้”

แนะ กต. ฟ้องยูเอ็นรายงานพฤติการณ์ฮุนเซน

นายกษิต กล่าวว่า หัวเรือใหญ่ งานนี้ คือ กระทรวงการต่างประเทศ โดย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์  รมว.ต่างประเทศ ต้องเรียกประชุมภายในกระทรวง ด้วยการเชิญอดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย  อดีตทูตไทยที่เคยอยู่เนเธอร์แลนด์ อดีตทูตไทยที่เคยอยู่พนมเปญ นำมาระดมความคิดกันภายในก่อน หลังจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศต้องประชุมร่วมกระทรวงกลาโหม กฤษฎีกา และมีข้อสรุปอย่างไรเสนอครม. เพื่อให้เห็นชอบ จะได้เห็นจุดยืนและท่าทีเจรจาฝ่ายไทย และเราไปแถลงต่อสหประชาชาติ ที่นิวยอร์คได้ เราก็ไปบอกสหประชาชาติถึงจุดยืนเรา และความไม่เอาไหนของฮุนเซน และฮุนมาเนต  ชี้ให้เห็นว่าเราทำในกรอบกฎหมาย แต่ฝ่ายฮุนเซน และฮุนมาเนต เป็นบุคคลที่ไร้เหตุผล

"กษิต" ตั้งสองประเด็น ปมพิพาทชายแดน"ไทย-กัมพูชา"ระอุ เหตุใด "ฮุนเซน" ร้อนรุ่ม

"ส่วนที่ไทยทำอยู่ขณะนี้ ล่าสุดมีการเชิญทูตในไทยมารับฟังการชี้แจงนั้น ถือ เป็นการเล่นตามกระแส ลักษณะสุกเอาเผากิน รมว.ต่างประเทศไม่ต้องรีบร้อน การจะทำอะไรนั้น ควรเตรียมบ้านคือประเทศไทยให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเชิญคณะทูตมาฟัง ขณะเดียวกันส่งถ้อยแถลงไปยังเอกอัครราชทูตถาวร ได้แถลงต่อที่ประชุมสหประชาชาติ 190 กว่าประเทศให้รู้เรื่อง และทำหนังสือเวียนไปที่กรุงเฮก ทุกสถานทูต ฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อนแต่ทำข้อมูลให้แน่น เพื่อเป็นเหตุผลให้ลบล้างความบ้าบอของฮุนเซน และฮุนมาเนต ให้หมดสิ้นไป"  อดีตรมว.ต่างประเทศ ให้ข้อแนะนำ