svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"กกต."เผย คำสั่ง"ศาลรธน." ตีตก คำร้องคดี เกี่ยวกับการ"เลือกสว."

"กกต." เผย "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีคำสั่ง ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีการเลือก"สมาชิกวุฒิสภา" ของ "ณฐพร โตประยูร"  , "พลโท ยอดชัย ยั่งยืน" และ"พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว"

12 มิถุนายน 2568  สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าว กรณีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ของ นายณฐพร โตประยูร , พลโท ยอดชัย ยั่งยืน และพลตำรวจโท คำรบ ปัญญาแก้ว

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเผยแพร่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ได้จัดทำข่าวคดีที่สำคัญเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 3 คำสั่ง ดังนี้

1. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งที่ 36/2568 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

กรณีที่นายณฐพร โตประยูร และคณะ ร้องขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญวินิจฉัยว่าการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภาของคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และให้มีคำสั่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งและสมาชิกวุฒิสภาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลมีกำสั่งรับคำรับคำร้อง

นายณฐพร โตประยูร และคณะ (ผู้ร้องที่ 1 ถึงผู้ร้องที่ 10) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า ถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้อง) ในการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2567 ตั้งแต่เริ่มกระบวนการจนถึงการประกาศรับรองผลไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย หลักนิติธรรมและกระทำการขัดหรือแย้งต่อรัฐธธรรมนูญ ทำให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปโดยไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรมมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนและต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 5 มาตรา 107 และมาตรา 108

ผลการพิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบคำร้อง ปรากฏว่าคำร้องเรืยนที่ผู้ร้องยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น เป็นคำร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 231 (1) โดยมิใช่การยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 อีกทั้งผู้ร้องอ้างว่าตนถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่าผู้ร้องไม่ใช่บุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรงอันเกิดจากการกระทำของผู้ถูกร้อง กรณีไม่ต้องด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง ประกอบกับการกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพอาจใช้สิทธิทางศาลได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม

ส่วนกรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่เริ่มกระบวนการจนถึงการประกาศรับรองผลใช้บังคับมิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 นั้น รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสังไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

"กกต."เผย คำสั่ง"ศาลรธน." ตีตก คำร้องคดี เกี่ยวกับการ"เลือกสว."

"กกต."เผย คำสั่ง"ศาลรธน." ตีตก คำร้องคดี เกี่ยวกับการ"เลือกสว."

 

ทั้งนี้ นายณฐพร โตประยูร และคณะ (ผู้ร้อง) ได้ยื่นขอคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธธรรมนูญที่ 36/2568 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ที่สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และขอให้ทบทวนคำสั่งศาลรัฐธธรรมนูญญดังกล่าวรวมทั้งขอให้มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

ผลการพิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องต่อเนื่องและเอกสารประกอบ มีลักษณะเป็นการขออุทธรณ์คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ไม่มีบทบัญญัญญัติให้บุคลมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยหรือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ร้องไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธธรรมนูญ มาตรา 213ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

"กกต."เผย คำสั่ง"ศาลรธน." ตีตก คำร้องคดี เกี่ยวกับการ"เลือกสว."

"กกต."เผย คำสั่ง"ศาลรธน." ตีตก คำร้องคดี เกี่ยวกับการ"เลือกสว."

2. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งที่ 48/2568 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ไม่รับคำร้องของ

พลโทยอดชัย ยั่งยืน ซึ่งร้องขอให้ศาลวินิจฉัยว่าการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภาของคณะกรรมการการเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ และให้ประกาศให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นโมฆะ

พลโทยอดชัย ยั่งยืน (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ตนเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพจากการกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกร้อง) ที่ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามหนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์หรือทำงานในกลุ่มที่สมัคร (สว. 4) อีกทั้งการที่ผู้ถูกร้องออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การมีลักษณะอื่น ๆในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ลงวันที่ 11 เมษายน2567 กำหนดให้ลูกจ้างในหน่วยงานของรัฐสามารถลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภากลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคงได้ ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธธธรรมนูญที่กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในกลุ่มที่สมัคร การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม และเป็นโมฆะ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธธรรมนูญ มาตรา 107 มาตรา 108 และมาตรา 224 วรรคหนึ่ง (1) และ (2)

ผลการพิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ปรากฏว่าการกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ผู้ร้องอาจใช้สิทธิทางศาลได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม

ส่วนกรณีขอให้ศาลรัธธรรรนูญสั่งให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นโมฆะนั้น รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยืนคำร้องดังกล่าวตามรัฐธธธรรมนูญ มาตรา 213ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

3. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งที่ 51/2568 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

กรณีที่พลตำรวจโท คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะ ซึ่งมีรายชื่อเป็นสมาชิกวุฒิสภาสำรองขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของพลตำรวจตรึ ฉัตรวรรษ แสงเพชร และคณะ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 185 (1)หรือไม่

พลตำรวจโท คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะ (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๘๒ ว่า พลตำรวจตรี ฉัตรวรรรษ แสงเพชร และคณะ (ผู้ถูกร้อง) ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 92 คนได้ร่วมกันลงลายมือชื่อและยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาขอให้ส่งคำร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนและดำเนินการกับพันตำรวจเอก ทวี สอดส่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีเสนอเรื่องการขออนุมัติให้การดำเนินคดีความผิดฐานอั้งยี่ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นคดีพิเศษและการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของคณะกรรมการคดีพิเศษ กับพวกรวม 11 คน กรณีสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นคดีพิเศษ อีกทั้งการเสนอเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรรมนูวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 8/2568) เป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งของการเป็นสมาชิกวุฒิสภากระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแชงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการหรือดำเนินการในหน้าที่ประจำของข้าราชการหรือของหน่วยงานราชการขัดหรือแย้งต่อรัฐธธธรรมนูญ มาตรา 185 (1)

ผลการพิจารณา

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธธธรรมนูญพ.ศ. 2561 มาตรา 7 (5) นั้น รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสินสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงเพื่อให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้องส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธธรรมนูญในคดีดังกล่าวได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่

เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่า ผู้ร้องเป็นเพียงผู้มีรายชื่อเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (บัญชีสำรอง) มิได้มีสถานะเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และมิได้เป็นผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้แต่อย่างใด กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลรัฐธธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย