
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เตรียมการสนับสนุนแนวหลังอย่างเต็มที่ โดยให้นโยบาย "มหาดไทยเป็นบ้าน: ทหารเป็นรั้ว" ดังนั้น จะต้องทำบ้านให้ปลอดภัยน่าอยู่ อบอุ่น และทหารจะเป็นรั้วปกป้องบ้านไม่ให้ใครมารุกราน และในฐานะผู้ปฏิบัติ ก็จะรับบัญชานายกรัฐมนตรี ดูแลชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ และการเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักพิง และความตื่นตัวของโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไร ชีวิตคนไทย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็ก ๆ จะต้องไม่ได้รับอันตราย
ส่วนกรณีการของบกลางเพื่อสร้างบังเกอร์ในพื้นที่นั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย มีงบประมาณอยู่ ไม่จำเป็นต้องของบกลางจากนายกรัฐมนตรี โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และปลัดอำเภอ ไปสำรวจหลุมหลบภัย ที่ยังมีหลายแห่งที่ยังขาด และนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ดำเนินการให้ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และซักซ้อม-วางแผนการเคลื่อนย้ายกรณีเผชิญเหตุ รวมถึงซักซ้อมการจัดเตรียมยานพาหนะให้พร้อมสำหรับการเคลื่อนย้ายด้วย
ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ สามารถวางใจได้หรือไม่นั้น นายอนุทิน บอกว่า ทหารยังมีการสื่อสารในเชิงที่ยังมีการเจรจา และผู้ว่าราชการจังหวัด ก็คอยสนับสนุนกองทัพทุกประเด็น โดยเฉพาะการกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านข้ามแดน ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันช่วงเวลาตามที่ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้
นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้เน้นทำความเข้าใจในการสื่อสารระหว่างทหาร และประชาชน เนื่องจาก การสื่อสารมีความสำคัญมาก โดยกรมการปกครอง จะสร้างความเข้าใจในพื้นที่ ซึ่งโดยรวมขวัญกำลังใจดี มีเพียงผู้สูงอายุที่อาจจะวิตกกังวลมากหน่อย แต่ส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ จึงได้ให้คำแนะนำ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่ควรไป พร้อมระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ตนเองก็จะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีอีกครั้ง หลังเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ได้มีการลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์แล้ว เพื่อสั่งการแผนเผชิญเหตุ และการเตรียมความพร้อม