svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“โรม” เคารพคำตัดสินศาลฯ ยกฟ้อง “อุปกิต” หวัง อสส.ยื่นอุทธรณ์ต่อ

“โรม” เคารพคำตัดสินศาลฯ ยกฟ้อง “อุปกิต” หวังอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ต่อ หวั่นกระทบต่อการปราบยาเสพติดทั้งระบบ – หนุนรัฐบาลล้างบางกลุ่มว้า

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวภายหลังศาลอาญา ยกฟ้องในคดีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายอุปกิต ปาจารียางกูรอดีตสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นจำเลยจากคดีที่นายอุปกิต ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์พัวพันกับขบวนการยาเสพติดและการฟอกเงินกับนายทุน มินลัต ชาวเมียนมา ที่ถูกตำรวจไทยจับกรณีเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและฟอกเงิน เมื่อ 17 กันยายน 2568 เนื่องจาก จำเลยไม่รู้เห็นด้วยว่า ตนเองน้อมรับคำตัดสินของศาล แต่คดีดังกล่าว จะต้องแยกเป็น 2 คดี คือ คดีนายทุน มินลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา และคดี สว.อุปกิต ซึ่งทั้ง 2 คดี ควรเป็นคดีเดียวกัน และคดีนายทุน มิน ลัต ศาลก็ได้ยกฟ้องแต่ปัจจุบัน อัยการสูงสุดได้อุทธรณ์คดีดังกล่าว ดังนั้น ในอดีต สว.อุปกิต ก็ยังจะต้องติดตามว่า อัยการสูงสุด จะอุทธรณ์หรือไม่ เพราะตนยืนยันว่า หากมาตรฐานคดียาเสพติดเป็นเช่นนี้ ก็จะส่งผลร้ายแรงต่อการปราบปรามยาเสพติดทั้งระบบ เพราะการจับตัวการใหญ่ จะไม่มีการพกยาเสพติดไว้ที่ตัว แต่ใช้กระบวนการเป็นระบบ แบ่งงานกันทำ เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่หากพิจารณากันเช่นนี้ ก็เชื่อว่า อนาคตจะสามารถปราบปรามยาเสพติดได้ยากมาก

นายอุปกิต ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้ฟ้องตนเองแล้ว 3 คดี ศาลยกฟ้องไปแล้ว 2 คดี พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รูปจักนายอุปกิตส่วนตัว แต่การอภิปรายทั้งหมด เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศ และไม่มีการใส่สีเติมแต่ง แต่เป็นไปตามสำนวนของหน่วยงานที่ไปดำเนินการ และตนก็พร้อมสู้คดีเต็มที่ ไม่หนักใจ และอยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดพิจารณา จะจับผู้ค้ารายใหญ่ได้อย่างไร หากบรรทัดฐานการใช้โต๊ะเงินเช่นนี้ จึงหวังว่า หน่วยงานด้านยุติธรรมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่

 

ส่วนที่ สว.อุปกิต ได้ฝากฉายา “สว.ทรงเอ” กลับมายังตนเองนั้น นายรังสิมันต์ บอกว่า ขอให้รอคดีสิ้นสุดก่อน และหากสุดท้ายไม่มีการอุทธรณ์ต่อ ก็อาจจะต้องไปพิจารณาว่า ขัดต่อหลักปฏิบัติหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาคดีลักษณะเช่นนี้ อัยการจะมีการอุทธรณ์ต่อ หรือหากอุทธรณ์แล้ว แต่ไม่สามารถเอาผิดได้ ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น จึงแนะนำว่า อย่าเพิ่งรีบมั่นใจในตนเองเกินไป และเตือนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคิดให้ดีต่อคดียาเสพติด เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างของอาชญากร

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามยาเสพติดกับกลุ่มว้าแดงว่า กลุ่มว้าถือเป็นกลุ่มผลิตยาเสพติดรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะกลุ่มแอมเฟตามีน และยาบ้า หากรัฐบาลไม่ดำเนินการใด ๆ ก็จะระบาดในไทยมากขึ้น และสถานะของไทย มี 2 สถานะ เป็นทั้งปลายทาง ที่เมียนมานำมาขายในไทย และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออก ซึ่งหากประเทศไทยไม่ดำเนินการใด ๆ ประเทศไทยจะแย่ลงแน่นอน และกลุ่มว้า ก็ไม่ได้เกรงใจรัฐบาลไทยแต่อย่างใด เพราะกลุ่มว้า ยังทำเหมืองทอง และเหมืองแร่ จนแม่น้ำกกได้รับผลกระทบ จึงเห็นว่า รัฐบาลจำเป็นจะต้องดำเนินการกับกลุ่มว้า พร้อมสนับสนุนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปพูดคุยกับกลุ่มประเทศในอาเซียน รวมถึงประเทศจีน เพราะมีพรมแดนติดเมียนมา รวมถึงยังควรจะต้องมีมาตรการจากเบา ไปถึงหนักกลับกลุ่มว้า และหากว้า ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ คนไทยจะเสียหาย ดังนั้น รัฐบาล และนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นเครือข่ายทำลายเครือข่ายอาชญากรรมของกลุ่มว้า หรือนายทักษิณ ควรส่งเสริมบทบาทนายกรัฐมนตรี