svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯ สั่ง ผบ.ตร.สำรวจอากาศยาน หลังเหตุ ฮ.ตก เล็งจัดงบฯซื้อใหม่

นายกฯห่วงความปลอดภัย นักบิน – ช่างเครื่อง จากเหตุ ฮ.ตก สั่งสำรวจอากาศยานทุกลำ เตรียมหางบฯซื้อลำใหม่ ด้าน ผบ.ตร. สั่ง จตช.ตรวจสอบ ปมแชทนักบิน บอก “ฮ.ไม่พร้อมใช้งาน”

28 พฤษภาคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงาน ความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่อง เฮลิคอปเตอร์ตำรวจ รุ่นเบลล์ 212 หมายเลขประจำเครื่อง 2215 เกิดอุบัติเหตุตก ในพื้นที่หมู่ 1 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ หรือ สารวัตรจ๊อบ อายุ 33 ปี นักบิน (สบ 2) , ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย หรือ ผู้กองเอก อายุ 34 ปี นักบิน (สบ 1) และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย อายุ 55 ปี รอง สว.(อก.) ช่างอากาศยาน ซึ่งเป็นช่างเครื่อง เสียชีวิต รวม 3 นาย เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า

 

นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อกรณีนี้ จึงเรียกตนและทีมงานเข้ามารายงานข้อมูล และสอบถามเกี่ยวกับความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ว่ามีความต้องการอะไร ขอให้พิจารณาและนำเสนอเข้ามา

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือ กับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.

 

ส่วนกรณีที่พบว่า ฮ.ตก อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมบินนั้น  พล.ต.อ.กิตติรัตน์ ระบุว่า สิ่งที่ตนและผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงเป็น อย่างแรกคือความปลอดภัยของนักบิน สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความสูญเสียอย่างมาก ส่วนการแสดงความเห็นตามโซเชียลมองว่าเป็นสิทธิที่สามารถแสดงความเห็นได้ แต่สิ่งต่างๆต้องมีการตรวจสอบ ทั้งหมดอยู่ที่การพิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และหากตรวจสอบพบว่ามีใครประพฤติมิชอบจะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งช่วงบ่ายนี้ตนจะไปประชุม ที่กองบินตำรวจ เพื่อให้ความมั่นใจนักบินให้ความมั่นใจในอากาศยาน

 

ตนได้เห็น ข้อความของหนึ่งในนักบินที่เสียชีวิต สนทนากับเพื่อน ว่า “เครื่องบินแทบบินไม่ได้แล้ว” ตนไม่ขอปฏิเสธ แต่ได้นำความเห็นส่งให้จเรตำรวจแห่งชาติเพื่อนำไปตรวจสอบด้วย และยืนยันว่า ไม่ละเลย รวมถึงทุกความเห็นที่ตนได้รับ ได้ส่งให้จเรตำรวจตรวจสอบและ ขอให้ดูทุกประเด็น

นายกฯ สั่ง ผบ.ตร.สำรวจอากาศยาน หลังเหตุ ฮ.ตก เล็งจัดงบฯซื้อใหม่

 

ส่วนการขอซื้ออากาศยานใหม่นั้น อยู่ในแผนของการบริหารงาน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว แต่อยากได้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูภารกิจและความจำเป็น รวมถึงงบประมาณในสิ่งที่จะได้ รวมถึงแนวคิดในการบริหารงานจากนี้ไปซึ่งตนคิดเผื่อข้างหน้าอีก 10 ปี 

 

ส่วน ความต้องการอากาศยานใหม่จำนวนเท่าไหร่นั้น ขอไปดูจำนวนให้ชัดเจนว่า ของที่มีอยู่มีจำนวนเท่าไหร่ สภาพรอจำหน่ายเท่าไหร่ และอยู่ในวงการซ่อมแซมจำนวนเท่าไหร่ เพื่อมาดูความจำเป็นว่า อีก 5 ปี 10 ปี เราจำเป็นต้องต้องใช้อากาศยานจำนวนเท่าไหร่

 

ขณะที่กรณีเพจ CSILA เปิดเผยข้อมูลว่า ขณะนี้กองบินตำรวจมี ฮ. ทั้งหมด 63 ลำ แต่ใช้ได้เพียง 9 ลำ และมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทุจริตซ่อมบำรุงนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  ย้ำว่า มีข้อมูลจากหลายกลุ่ม แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้บริหารกองบินด้วย ว่า ความจริงแล้วมี ฮ.อยู่เท่าไหร่ ใช้ได้เท่าไหร่ และใช้ไม่ได้เพราะอะไร และส่วนที่ใช้อยู่ อยู่ในวงรอบการซ่อมเท่าไหร่ ซึ่งเป็นการบริหารที่ถูกแล้ว แต่หากพบว่าครบชั่วโมงบินแล้วไม่ซ่อม ไม่ดูแลแบบนี้ถือว่าละเลยหรือไม่ เป็นประเด็นที่ต้องดูมากกว่า

 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.

 

หากพบว่า มีการเบียดบังทุจริต จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะนี่คือชีวิตของมนุษย์ ชีวิตของนักบินและผู้ร่วมปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กำชับให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องชีวิตคน

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องการจัดซื้ออากาศยาน ไม่มีอยู่ในงบประมาณปี 2569 มีเพียงงบเรื่องซ่อมบำรุง ซึ่งเป็นการขอตามงบประมาณปกติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว

 

ขณะที่ความเคลื่อนไหวทวิตเตอร์ X ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความว่า “จากกรณีเครื่องบินของกองบินตำรวจประสบอุบัติเหตุตกในช่วงที่ผ่านมา วันนี้ดิฉันได้เรียนเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกองบินตำรวจ มารายงานข้อมูลถึงสาเหตุของเหตุการณ์ รวมถึงแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

 

นายกฯ สั่ง ผบ.ตร.สำรวจอากาศยาน หลังเหตุ ฮ.ตก เล็งจัดงบฯซื้อใหม่

 

จากรายงานพบว่า อากาศยานของกองบินตำรวจ ทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ จำนวนมากมีอายุการใช้งานยาวนาน และขาดการซ่อมบำรุงที่สมบูรณ์ จนอาจเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติภารกิจ

 

ดิฉันได้สั่งการให้กองบินตำรวจเร่งสำรวจสถานะของอากาศยานทุกลำ ทั้งที่ยังใช้งานอยู่ อยู่ระหว่างซ่อมบำรุง หรือพิจารณาปลดประจำการ เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ รวมถึงการจัดหาเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ใหม่ให้เหมาะสมกับภารกิจในอนาคต

 

เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน แต่ชีวิตความปลอดภัย และสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกันค่ะ"