เอฟเฟคผลเลือกตั้งซ่อม นครศรีธรรมราช ส่งผล 5 นัยยะ – 3 อาฟเตอร์ช็อก

ผลการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ที่ผู้สมัครจากพรรคกล้าธรรม นายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ หรือ "สจ.บิ๊กโอ" คว้าชัยแบบขาดลอย หลัง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า แทคทีมแกนนำพรรค ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงแบบสุดกำลัง

 

ถอดรหัสวิเคราะห์ผลเลือกตั้ง สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 แม้จะเป็นเพียงเขตเลือกตั้งเดียว แต่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีนัยทางการเมืองมากมาย

 

1. พรรครัฐบาลส่งผู้สมัครชนกันถึง 3 พรรค และมี 2 พรรคชิงดำ

 

พรรคหนึ่ง คือ ภูมิใจไทย เจ้าของฉายา “ภูมิใจขวาง” คู่กัดกับพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย

 

อีกพรรคหนึ่ง คือ กล้าธรรม เจ้าของฉายา “กล้าธรรมนัส” เสมือนเป็นตัวแทนเพื่อไทย สงครามตัวแทน

2. เป็นการเลือกตั้งใกล้ฤดูปรับ ครม. ผลการเลือกตั้งจึงอาจส่งผลถึงทิศทางการปรับ ครม.ด้วย เนื่องจาก 2 พรรคนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล

 

 

3. เป็นการเลือกตั้งในช่วงที่พรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหาขัดแย้งภายใน จากกรณีการสนับสนุนและคัดค้านร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทำให้การเลือกตั้งมี “นัยยะ” แข่งแย่งซีนกัน และสั่งสอนกันทางการเมือง

 

4. เป็นบทพิสูจน์ยุทธศาสตร์ “ตอกเสาเข็ม” ในภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย ว่ายังมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นได้ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่

 

5.บทพิสูจน์พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ปิดเกมในภาคใต้แล้วหรือยัง

 

จาก 5 ประเด็นที่เป็น “นัยทางการเมือง” สามารถถอดรหัสได้ 3 เรื่องใหญ่ๆ

 

1. ผลที่จะเกิดต่อการปรับ ครม.

 

 

 - เรื่องนี้ลดความร้อนแรงลงไประดับหนึ่ง หลังจากอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร พูดชัดเจนเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์(26เม.ย.68) ที่ผ่านมา ว่า จะไม่ปรับพรรคภูมิใจไทย ออกจากการร่วมรัฐบาล

 

 - ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งซ่อม ทำให้เครดิตของพรรคภูมิใจไทยลดลง จึงต้องรอดูทิศทาง “นายใหญ่บ้านจันทร์ฯ” ว่าจะขยับรุกคืบ เพื่อกดดันเรื่อง “แลกกระทรวง” หรือไม่

 

 - ความพยายามเรื่องแลกกระทรวง มีอยู่จริง และมีการเสนอแล้ว แต่ภูมิใจไทยปฏิเสธ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย มีการยื่นเงื่อนไขกลับมาว่า หากจะแลกจริง ก็ขอกระทรวงคมนาคมแทน แต่พรรคเพื่อไทยไม่ยอม

 

 

 - มีรายงานจากพรรคภูมิใจไทยว่า ภายในพรรคมีการประเมินกันว่า การปรับ ครม. หนนี้ พรรคภูมิใจไทยจะยังไม่ถูกริบกระทรวงมหาดไทย แต่เชื่อว่าปรับ ครม. หนหน้า จะมีการริบกระทรวงนี้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยจะพยายามดึงเวลาให้พ้นการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีไปก่อน ซึ่งหากได้โยกย้ายอีก 1 ครั้ัง แม้จะโดนริบกระทรวง ก็จะไม่ส่งผลต่อโครงสร้างข้าราชการที่วางแบบฝังรากเอาไว้

 

เชื่อว่าหากมีการปรับเอากระทรวงมหาดไทยกลับไปที่พรรคแกนนำ จะเป็นสัญญาณใกล้เลือกตั้ง ฉะนั้นการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีนี้จึงสำคัญมาก

 

 

 - พรรคภูมิใจไทยพยายามเพิ่มอำนาจต่อรอง ด้วยการดึง สส.ฝ่ายค้านมาเติมเสียงให้พรรค ล่าสุดตกลงได้ สส.เพิ่มอีก 5-6 คน จาก “สายบ้านป่าฯ” เป็นบ้านใหญ่บ้านเดียวกัน (เพชรบูรณ์) ยกเว้นประมุขของบ้านที่ยังไม่มา เพราะติดเงื่อนไขเกรงใจ “ประมุขบ้านป่าฯ” แต่การเพิ่มจำนวน สส. ยิ่งทำให้การปรับภูมิใจไทย พ้นครม. ทำได้ยากขึ้นไปอีก และการริบกระทรวงก็ยาก เนื่องจากสัดส่วน สส.เพิ่มขึ้น โควต้าควรจะเพิ่ม ไม่ใช่ลด

 

 - ผลอีกด้านของการปรับ ครม. คือ เครดิตของพรรคกล้าธรรม ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากเติม สส.อีก 1 ที่นครศรีธรรมราช เท่ากับปักธงภาคใต้ ได้เป็นครั้งแรกแล้ว ยังจะมี สส.ที่ดูดมาจากฝ่ายค้านอีก 5-6 คน

 

 - หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ “ผู้กองธรรมนัส” ประกาศ ก็แปลว่าพรรคกล้าธรรมจะมี สส. 30 คน ต้องเพิ่มโควต้ารัฐมนตรีให้

 

 - ผู้กองธรรมนัส ใช้วิธีตีปลาหน้าไซ ด้วยการแง้มข่าวปรับรัฐมนตรีในโควต้าจาก คุณอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ เป็น คุณอรรถกร ศิริลัทธยากร ลูกชาย เพื่อเปิดทางให้ปรับตำแหน่งอื่นด้วย

 

ทางเลือกที่ส่งสัญญาณถึงผู้มีอำนาจ ทั้ง “นายใหญ่ - นายน้อย” คือ เพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่งตามโควต้า จาก 3 เป็น 4 หรือ 3 เท่าเดิมแต่เพิ่ม “รัฐมนตรีว่าการ”

 

 - ถือเป็นงานยากและเป็นแรงกดดันทางอ้อมต่อนายกฯแพทองธาร เนื่องจากผู้กองเองก็แสดงเจตนา อยากกลับทำเนียบรัฐบาล ทั้งๆ ที่นายกฯไม่ค่อยปลื้ม แต่พ่อนายกฯโอเค และพอใจในผลงานอย่างยิ่ง

 

 

2. ผลต่อพรรคภูมิใจไทยในภาคใต้ โดยเฉพาะ “ยุทธศาสตร์ตอกเสาเข็ม”

 

 - งานนี้ถือว่าพรรคภูมิใจไทยถูกท้าทายหรือไม่ เพราะรักษาที่นั่งเดิมไว้ไม่ได้

 

 - พรรคกล้าธรรม นำโดย “ผู้กอง” มีวิธีการทำงานการเมืองระดับพื้นที่คล้ายๆ กับภูมิใจไทย

 

 - พรรคกล้าธรรมเสมือนหนึ่งเป็น “ตัวแทนเพื่อไทยในภาคใต้ตอนบน”

 

 - ฉะนั้นการเติบโตของพรรคกล้าธรรม จึงเท่ากับเป็นการสกัดภูมิใจไทยในภาคใต้ ช่วยให้ภูมิใจไทยโตไม่ได้ ขยายฐานไม่ง่าย

 

 

- เบียดพรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ไม่ได้ (อันดับ 1 ของฝ่ายแพ้ ไม่นับพรรคส้ม) หรือเบียดขึ้นเป็นเบอร์ 1 ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ยังไม่ง่าย

 

 

-พรรคเพื่อไทยมีตัวเล่นในภาคใต้มากขึ้น นอกจากประชาชาติ คุมใต้ตอนล่าง สามจังหวัดชายแดน ก็ยังมีกล้าธรรมเป็นตัวสอดแทรกในภาคใต้ตอนบน

 

3. ผลต่อพรรคประชาธิปัตย์

 

 

 - พรรคเก่าแก่ พระแม่ธรณีบีบมวยผม จบจริงในภาคใต้หรือไม่

 

 - นักวิชาการมองว่าจบ แต่คนในพรรคบอกว่าไม่จบ เพราะครั้งนี้ไม่ได้ส่ง วัดผลอะไรไม่ได้ (ไม่ได้ส่งคุณชินวรณ์ บุณยเกียรติ ในนามพรรคอย่างเป็นทางการ)

 

 - คนที่จบคือ คุณชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกฯ 2 สมัย และอดีตประธานสภา 2 สมัยหรือเปล่า