18 กุมภาพันธ์ 2568 "นายปกรณ์ จีนาคำ" สส.แม่ฮ่องสอน พื้นที่อำเภอปาย พรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวตามโลกโซเชียลที่มีชาวอิสราเอล หรือชาวยิว ที่หยุดพักการสู้รบ และมาตั้งถิ่นฐานในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รองรับ โดยระบุว่า ข่าวดังกล่าวมีความเกินจริงมากเกินไป พร้อมยืนยันว่า ตามข้อมูลที่ตนเองมีนั้น มีชาวอิสราเอลที่เป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ เฉลี่ยเดือนละ 2,000 คน แต่ผู้ที่พำนักในไทย ทั้งมีครอบครัว และมาทำงานนั้น ในพื้นที่มีไม่เกิน 10 คน รวมถึงยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่นอังกฤษ อเมริกา เยอรมัน และอิสราเอล เป็นต้น
"นายปกรณ์" ยอมรับว่า มีประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจริงจากชาวอิสราเอลกลุ่มนี้ เช่น การก่อเหตุรำคาญปาร์ตี้ยามวิกาล ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ หรือวิถีชีวิตชุมชน เช่น การนุ่งน้อย-ห่มน้อย ทำให้ดูไม่เหมาะสม ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร แต่เจ้าหน้าที่มีการเตือน พูดคุยกันมาโดยตลอด ซึ่งก็ถือเป็นปัญหาภาพรวมในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ ไม่ได้เจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะทุกประเทศ ก็มีทั้งคนดี และคนไม่ดี
ส่วนที่มีการสร้างโบสถ์สร้างวิหารนั้น "นายปกรณ์"เล่าว่า เป็นการเช้าพื้นที่บนพื้นที่ 2 งาน และมีการต่อเติม ซึ่งมีการขออนุญาตจัดตั้งเป็นมูลนิธิถูกต้อง ซึ่งในประเทศไทย มีประมาณ 5 แห่ง ซึ่งที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในกรุงเทพมหานคร และที่อำเภอปาย เป็นสถานที่ที่เพิ่งเปิดใหม่ เพื่อรวมกลุ่ม 200-300 คนมาทำกิจกรรมพิธีกรรมต่าง ๆ ทุกวันศุกร์-เสาร์ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการมาแย่งอาชีพคนไทย และไม่มีการทำดินแดนพันธะสัญญาแห่งใหม่ตามกระแสข่าวในโลกออนไลน์
"นายปกรณ์" ยังเปิดเผยด้วยว่า ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับหน่วยงานในจังหวัด 5-6 ครั้ง เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวอิสราเอล ที่ทำกิจกรรมไม่เหมาะสม ทั้งสูบกัญชา การจราจร ซึ่งทุกหน่วยงานได้ไปกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และผู้กำกับการตำรวจแม่ฮ่องสอน ให้เข้าไปกระชับพื้นที่ และตักเตือนนักท่องเที่ยวต่อเนื่อง จึงกังวลว่า กระแสข่าวที่ออกมาบนโลกออนไลน์ในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีความเกินจริงมากเกินไป ซึ่งจะมีผลกระทบมากว่าผลดี ประชาชนจะไม่กล้าไปท่องเที่ยว โดยเห็นว่า หน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดควรให้ข้อมูลหลาย ๆ ช่องทางมากขึ้น ทั้งการแจ้งสื่อมวลชน การลงพื้นที่ชุมชน เพื่อวางมาตรการป้องกัน และแผนในอนาคต เพื่อให้ประชาชน มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตในอำเภอปาย
ส่วนที่ตำรวจลงพื้นที่เพราะประชาชนไทยยังไม่พอใจหรือไม่นั้น"นายปกรณ์"มองว่า เหมารวมเป็นชาวบ้านทั้งหมดไม่ได้ และไม่น่ามีชาวบ้านมากตามที่สื่อโซเชียลกล่าวอ้าง เพราะเป็นสื่อโซเชียลที่รายงาน ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ก็ยอมรับว่า มีชาวบ้านบางส่วนได้รับความเดือดร้อนจากการต่อเหตุรำคาญ ทั้งการปาร์ตี้ การดื่มกินตามจุดต่าง ๆ ในแหล่งท่องเที่ยว จนผิดวิถีชีวิตชาวบ้าน โดยเฉพาะการสังสรรค์ในเวลาดึก และกระจายหลายจุด แต่ก็มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่สามารถกำกับควบคุมได้ และขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการท่องเที่ยวในอำเภอปาย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้ชี้นำและชักชวนนักท่องเที่ยวไปในทางที่ถูกต้อง เคารพพื้นที่
"นายปกรณ์" ยังยืนยันด้วยว่า กลุ่มชาวอิสราเอลที่เข้ามาในพื้นที่ตามกระแสข่าวนั้น ไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และไม่น่าเกี่ยวข้องกับดินแดนพันธะสัญญาตามกระแสข่าว ซึ่งเชื่อว่า เป็นความพยายามดึงบางประเด็นมาเล่น เพื่อให้เกิดกระแสไปเชื่อมกับเรื่องอื่นมากกว่า
ด้าน "นายสมบัติ ยะสินธุ์" สส.แม่ฮ่องสอน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพชาวอิสราเอลที่มาตั้งถิ่นฐานในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนว่า ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ก็ยอมรับว่า มีชาวยิว หรือชาวอิสราเอลบางส่วนที่มาแต่งงานกับคนไทย ซึ่งผู้ที่อยู่พำนักประจำและยังมีการแอบทำธุรกิจผ่านนอมินีบ้าง เช่น ผ่านเมียคนไทยบ้าง แต่ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก จึงทำให้มีจำนวนเยอะ พร้อมยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคง และทหารจากส่วนกลาง เข้าไปติดตาม และตรวจสอบแล้ว
ส่วนปริมาณที่มากขึ้นนี้ เพิ่มขึ้นมานานแล้วหรือไม่นั้น "นายสมบัติ" บอกว่า เพิ่มมาระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา
ส่วนการสร้างโบสถ์รองรับโดยห้ามคนไทยเข้านั้น "นายสมบัติ"บอกว่า เป็นการตั้งเต็นท์ทำกิจกรรมร่วมกันใกล้ ๆ สถานีตำรวจภูธรปาย ซึ่งเป็นบ้านร้าง มีผู้ซื้อไปหลายมือแล้ว แต่ซื้อไปเมื่อใดก็ตายทุกครั้ง