
1 ธันวาคม 2567 ทีม “ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่น ทีวี สอบถามไปยัง “เครือข่ายจิตอาสาในพื้นที่ชายแดนใต้” ซึ่งมีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ และชมรม ตลอดจนมูลนิธิต่างๆ ขอทราบปัญหาการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทักภัย ว่า มีปัญหาจริงๆ ตามที่มีกระแสวิจารณ์ตามสื่อสังคมออนไลน์ หรือเป็นแค่การ “ปั่นข่าวโจมตีรัฐบาล” ตามที่รองนายกฯ
แหล่งข่าวซึ่งเป็น “จิตอาสาในพื้นที่” บอกว่า เรื่องจริงจากในพื้นที่ตรงตามที่เป็นข่าวในโซเชียลฯทุกประการ และถามถามความรู้สึกของคนที่เป็น “จิตอาสา” ทุกคนบอกตรงกันว่า ข่าวที่ออกไป ยังน้อยกว่าความจริงที่เกิดเสียอีก
ปัญหาที่เครือข่าย “จิตอาสา” พบ และเป็นสาเหตุให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือล่าช้า จนกลายเป็นเสียงวิจารณ์ มีดังนี้
1.”จิตอาสา” มีแต่แรง กำลังคน และกำลังใจ แต่ไม่มีอุปกรณ์พร้อมเหมือนหน่วยงานรัฐ เช่น ปภ. หรือทหาร โดยเฉพาะเรือ และรถยกสูง หรือรถหกล้อ สิบล้อ จึงไม่สามารถเข้าพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้เต็มที่
แต่ปรากฏว่าในวันแรกๆ ของเหตุการณ์ กลับแทบไม่พบเรือ หรือรถบรรทุกของทางราชการออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชน หลายพื้นที่ใช้เวลาหลายวันกว่าความช่วยเหลือจะเข้าถึง
ยกตัวอย่าง เคสร้องขอความช่วยเหลือประชาชนในชุมชน “หน้าถ้ำ” อำเภอเมืองยะลา พื้นที่นี้เริ่มมีน้ำท่วมวันที่ 26 พ.ย. มีการแจ้งหน่วยงานรัฐช่วงเช้าของวันที่ 27 พ.ย. แต่กว่าจะได้รับความช่วยเหลือ คือช่วงค่ำของวันที่ 29 พ.ย. ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งประชาชนในชุมชนก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงได้รับความช่วยเหลือล่าช้าขนาดนี้
2.ประสบการณ์จาก “จิตอาสา” เมื่อรับเคสร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากพี่น้องประชาชน
- โทรแจ้งสายด่วน 1880 ของ ศอ.บต. ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รับเคสไป แต่เมื่อรับไปแล้ว ประชาชนแจ้งกลับมาที่จิตอาสาว่า ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ จิตอาสาจึงโทรกลับไปสอบถาม
- เจ้าหน้าที่สายด่วนแจ้งว่า ตามขั้นตอน เวลารับเคส ต้องแจ้งไปยังศูนย์บัญชาการของจังหวัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงาน
- จากนั้น “จิตอาสา” จึงเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องแจ้งสายด่วน 1880 เพราะถึงอย่างไรก็ต้องส่งต่อเคสให้จังหวัดอยู่ดี จึงโทรแจ้งศูนย์บัญชาการระดับจังหวัดโดยตรง
- เมื่อเวลาผ่านไป ประชาชนกลุ่มเดิมก็แจ้งกลับมาว่า ยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออยู่ดี
- จิตอาสาจึงสอบถามไปยังศูนย์บัญชาการระดับจังหวัด ได้รับแจ้งว่า ได้ส่งต่อข้อมูลเคสร้องเรียนไปยังอำเภอของผู้ร้องเรียนแล้ว
- จิตอาสาจึงสอบถามไปยังนายอำเภอตามที่ทางจังหวัดแจ้ง นายอำเภอบอกว่า ได้ส่งต่อเคสไปที่เทศบาล หรือ อบต.แล้ว
- จิตอาสาจึงสอบถามไปยังเทศบาล และ อบต. ได้ข้อมูลว่า รับแจ้งจากนายอำเภอมาจริง แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งงบประมาณและอุปกรณ์ จึงต้องช่วยตามมีตามเกิด หลายเทศบาล หลาย อบต.ไม่มีเรือยนต์ ไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำเข้าพื้นที่ได้
3.ห้วงเวลา 2-3 วันแรกที่น้ำท่วมหนัก มีเสียงถามกันระงมว่า เรือหายไปไหนหมด รถยกสูง รถบรรทุกเพื่ออพยพผู้ประสบภัย หายไปไหนหมด คือมีแต่คนร้องขอความช่วยเหลือเยอะมาก แต่แทบไม่มีหน่วยงานรัฐเข้าพื้นที่ไปช่วยเลย
**แต่เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ ได้รับคำตอบสองแบบ คือ
หนึ่ง ทำเต็มที่แล้ว
สอง หน่วยงานรัฐเองก็โดนน้ำท่วม แทบเอาตัวไม่รอด ชาวบ้านคงต้องช่วยตัวเองก่อน (เป็นคำตอบจากโฆษกหน่วยทหารหน่วยหนึ่งในพื้นที่)
4.จิตอาสาลงความเห็นร่วมกันว่า หน่วยงานรัฐทำงานแบบ “รูทีน” จึงไม่เท่าทันกับสถานการณ์พิเศษ ซึ่งปีนี้ ฝนตกหนักและต่อเนื่อง น้ำมาก น้ำเชี่ยว และท่วมเร็วมาก ทำให้การช่วยเหลือไม่ทันท่วงที
- หน่วยงานรัฐไม่มีศูนย์ประสานงานกลางระดับสามจังหวัดในภาพรวม
- ไม่มีการตั้งหน่วยเคลื่อนที่ เพื่อไปรับมือจุดที่มีสถานการณ์รุนแรง เรียงตามลำดับความสำคัญ
- ไม่มีการบูรณาการ “คน-งบ-อุปกรณ์” เพื่อระดมความช่วยเหลือตามความสำคัญ และความรุนแรงของปัญหา
- การทำงานของแต่ละหน่วยมีลักษณะต่างคนต่างทำ เน้นแจกของ ถ่ายรูป
- ไม่มีผู้มีอำนาจเต็มสั่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ
5.จิตอาสาจากนอกพื้นที่ที่ลงไปช่วยประชาชน โดยเฉพาะ “จิตอาสาเซเลบ” บางส่วนมุ่งทำคอนเทนต์ แต่ไม่ได้ประสานกับฝ่ายรัฐ และไม่มีการแจ้งคนในพื้นที่ ทำให้เข้าพื้นที่ไม่ถูก หลงทาง ล่าช้า และไม่ทราบว่าควรไปที่ไหนก่อน-หลัง คือไปตามที่รับแจ้ง และเคสที่เดือดร้อนเข้ามาถึงตนเท่านั้น ทำให้การช่วยเหลือสะเปะสะปะ แม้จะมีความตั้่งใจดีก็ตาม