svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดคำวินิจฉัย"ศาลรธน." 5 ต่อ 4 ใครเป็นใคร ให้"นายกฯ"พ้นเก้าอี้ พร้อมครม.

เปิด"มติศาลรัฐธรรมนูญ" 5 ต่อ 4 ใครเป็นใครวินิจฉัย ให้นายกฯ เศรษฐา พ้นเก้าอี้นายกฯ เหตุผิดจริยธรรมร้ายแรง กระเด็นพร้อมครม.ทั้งคณะ

14 สิงหาคม 2567  ในที่สุดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเสียงข้างมาก ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากผลการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ถือว่า ปฏิบัติหน้าที่ขัดคุณสมบัติรธน. ผิดจริยธรรมร้ายแรง 

 

15.00น.  ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาคำร้อง หลักฐาน และเอกสารประกอบแล้ว เห็นว่า รัฐธรรมนูญ ได้กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องมีความซื่อสัตย์ และไม่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยต้องถือประโยชน์ประเทศชาติ มากกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้อำนาจหน้าที่ของตน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม และไม่กระทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ 

 

เคยต้องโทษคำสั่งจำคุก จากการนำเงินสดใส่ถุงกระดาษ มอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฯ เพื่อจูงให้ให้เจ้าหน้าที่ศาลฯ กระทำการอันมิชอบ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่จำเลย การกระทำดังกล่าว จึงเป็นความผิดละเมิดอำนาจศาล ตาม ป.วิ แพ่ง และ ป.วิอาญา รวมถึงเป็นการให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน จึงลงโทษ"นายพิชิต" และผู้เกี่ยวต้อง ต่อมา"นายพิชิต" ได้ถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพทนายความ  

 

ต่อมาเมื่อ"นายเศรษฐา" ได้นำความกราบบังคมทูล ขอแต่งตั้ง"นายพิชิต" เป็นรัฐมนตรี ข้อที่ สว.กล่าวอ้างนายกรัฐมนตรี ควรรู้อยู่แล้วว่า "นายพิชิต" มีลักษณะต้องห้าม แม้คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้วินิจฉัยว่า นายพิชิต พ้นโทษเกิน 10 ปี ไม่เป็นลักษณะต้องห้ามแล้ว แต่คณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นการให้ความเห็นจำกัดตามคุณสมบัติที่กำหนดในรัฐธรรมนุญ ไม่รวมถึงรัฐธรรมนุญในมาตราอื่น ๆ

 

เมื่อมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง"นายพิชิต"ในการปรับ ครม.ครั้งที่สอง  เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยืนยันว่า กระบวนการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง มีการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยการกรอกประวัติ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ หากพบประเด็นปัญหา ก็จะมีการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา และสรุปให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำความกราบบังคมทูล จึงสะท้อนว่า "นายเศรษฐา" ย่อมต้องทราบประวัติ จากเอกสารสรุปประวัติว่า "นายพิชิต"เคยถูกคำสั่งศาลจำคุก ฐานละเมิดอำนาจศาล และถูกเพิกถอนกาประกอบวิชาชีพทนายความ จึงเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรี ใช้วิจารณญาณ แล้ว 

 

รับฟังได้ว่า นายกรัฐมนตรี รู้ หรือควรรู้พฤติการณ์นายพิชิต ว่ามีลักษณะต้องห้าม ไม่ว่าอนุมาตราใด มาตราหนึ่ง ก่อนการทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง" 

เมื่อนายเศรษฐา รู้พฤติการณ์แล้ว แต่ยังแต่งตั้งรายชื่อ เป็นรัฐมนตรี  การถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ เป็นการทำความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพทนายความ สะท้อนความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ที่ไม่ใช่เพียงการกระทำประพฤติมิชอบ แต่ต้องเชื่อถือได้ และยอมได้ความซื่อสัตย์สุจริตได้ หากมิเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ถือว่า เป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์   การเสนอชื่อ "นายพิชิต" ย่อมมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในการเสนอชื่อโปรดเกล้าฯ

 

แม้อ้างไม่มีความรู้ด้านนิติศาสตร์ เป็นข้ออ้างที่รับฟังไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรี ทุกการตัดสินใจ ต้องมีความรับผิดชอบในการกระทำ และการพิจารณาความซื่อสัตย์สุจริต เป็นข้อเท็จจริงที่สามารถเห็นได้โดยภาวะวิสัย ที่วิญญูชน สามารถวินิจฉัยได้

ดังนั้น การกระทำของนายเศรษฐา ในการรับสนองพระบรมราชโอการ ทั้งที่มีลักษณะต้องห้าม โดยไม่ได้ใช้วิจารณญาณเยี่ยงวิญญูชน และการแต่งตั้งเป็น ครม. ไม่ใช่เพียงการใช้ความไว้วางใจส่วนตัวแล้ว ครม.ซึ่งหมายถึงนายกฯ และ รมต. ต้องได้รับความไว้วางใจจากประชาชนด้วย โดยเฉพาะ รธน.นี้ มีกลไก ไม่ห้ผู้ขาดธรรมาภิบาลเข้ามาบริหารปกครองบ้านเมือง จึงให้ รมต. มีสถานะสุจริตเป็นที่ประจักษ์ มากกว่า รธน.ในอดีต แม้นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้งบุคคลตามที่ตนไว้วางใจตามครรลอง แต่บุคคลนั้น ต้องมีคุณสมบัติชัดเจน น่าเชือ่ถือ น่าไว้วางใจจากประชาชน ดังนั้น นายเศรษฐา จึงขาดคุณสมบัติการเป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริต 

 

ข้ออ้างที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ไม่ปรากฏว่า นายเศรษฐา ได้สอบถามอื่น ๆ เพิ่มเติม 

 

การเสนอชื่อบุคคลต่าง ๆ ในการเป็นรัฐมนตรี ในการปรับ คณะรัฐมนตรี มีกระบวนการตรวจสอบโดยผู้เกี่ยวข้อง คือ สำนักเลขาธิการ ครม. และคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นแล้ว "นายกรัฐมนตรี" จะได้ปฏิบัติตามความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังจะต้องใช้วิจารณญาณ ในการแต่งตั้งด้วย เพราะหลักเกณฑ์ในการเลือกบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านนิติศาสตร์ 

 

ดังนั้น มาตรฐานการพิจารณาฟ้องบุคคล ต้องพิจารณาให้ครบองค์ประกอบ การที่อัยการไม่ฟ้อง ไม่ได้หมายความว่า 
และศาลฎีกามีคำสั่งลงโทษ เป็นพฤติการณ์ที่ผิดปกติวิสัย ที่วิญญูชนจะประพฤติปฏิบัติ และยากที่จะเชื่อว่าหยิบผิดถุง จากถุงช็อกโกแล็ต เป้นถุงเงิน ดังนั้น จึงไม่มีความเหมาะสมเป็นรัฐมนตรี แต่เมื่อ "นายเศรษฐา"ควรรู้อยู่แล้ว  นายกรัฐมนตรี จึงขาดคุณสมบัติ  ยินยอมให้"นายพิชิต ชื่นบาน" เป็นรมต.

 

เป็นการกระทำที่ยึดประโยชน์ส่วนตน เหนือประโยชน์ประเทศชาติ ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมคบสมาคมกับผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อาจกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาประชาชน ขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกรัฐมนตรี จึงมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 

 

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า "นายเศรษฐา" รู้หรือควรรู้พฤติการณ์ของ "นายพิชิต"แต่ยังเสนอ"นายพิชิต" เป็นรัฐมนตรี ดังนั้น "นายเศรษฐา"ไม่สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้นายเศรษฐา พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี 

 

รัฐธรรมนูญ ได้มีกลไกลความเข้มงวด ไม่ให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรมจริยธรรม เข้ามามาอำนาจ จึงกำหนดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม และไม่มีลักษณะต้องห้ามด้วย ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ที่รัฐมนตรี จะต้องมีคุณสมบัติสูงกว่า สส.เพราะเป็นผู้บริหาร และปกครองประเทศ 

 

การพิจารณาว่าบุคคลใดซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นดุลยพินิจนายกรัฐมนตรี ในการทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการ ในการรับผิดชอบในกิจการที่ตนลงนามรับผิดชอบ ซึ่งความรับผิดชอบดังกล่าว ประกอบด้วย ความถูกต้องตามกระบวนการได้มา ความถูกต้องของข้อความในการทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

เปิดคำวินิจฉัย"ศาลรธน."   5 ต่อ 4 ใครเป็นใคร ให้"นายกฯ"พ้นเก้าอี้ พร้อมครม.

 

สำหรับ มติศาลรัฐธรรมนูญ  5 ต่อ  4 

 

5 คน คือ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม  สิทธิวิรัชธรรม  นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ เห็นว่า ความเป็น รัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง ( 4 ) ประกอบ มาตรา  160  ( 4 ) และ ( 5 )


ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน  4  คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายนภดล  เทพพิทักษ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170  วรรคหนึ่ง ( 4 ) ประกอบมาตรา  160  ( 4 ) และ ( 5)

 

เปิดคำวินิจฉัย"ศาลรธน."   5 ต่อ 4 ใครเป็นใคร ให้"นายกฯ"พ้นเก้าอี้ พร้อมครม.

เปิดคำวินิจฉัย"ศาลรธน."   5 ต่อ 4 ใครเป็นใคร ให้"นายกฯ"พ้นเก้าอี้ พร้อมครม. เปิดคำวินิจฉัย"ศาลรธน."   5 ต่อ 4 ใครเป็นใคร ให้"นายกฯ"พ้นเก้าอี้ พร้อมครม. เปิดคำวินิจฉัย"ศาลรธน."   5 ต่อ 4 ใครเป็นใคร ให้"นายกฯ"พ้นเก้าอี้ พร้อมครม.