
7 สิงหาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์ทางการเมือง คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลว่า ตนอยากจะขอแจ้งกับประธานว่า พวกตน นายชัยธวัช ตุลาธน และกรรมการบริหารพรรค นายอภิชาติ ศิริสุนทร , นางสาวเบญจาแสงจันทร์ , นายสุเทพ อู่อ้น รวมถึงอดีตหัวหน้าพรรค คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็คงไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรได้อีกต่อไป
หลังจากนี้สุดท้ายต้องขอขอบคุณประธาน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ที่ได้ทำงานร่วมกันมาและถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่พวกตนได้ใช้ช่วงระยะเวลาในฐานะผู้แทนราษฎร ในการทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันสิ่งที่เราคิดว่าเป็นอนาคตของประเทศ สุดท้ายพวกตนคงไม่มีโอกาสที่จะได้ร่วมทำงานกับทุกคนอีกต่อไปอย่างน้อยก็ 5 ปี 10 ปี แต่ก็หวังว่าหลังจากนี้ เพื่อนผู้แทนราษฎรจะสามารถที่จะใช้อำนาจหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ในฐานะที่พี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาเป็นสถาบันทางการเมืองเดียวในประเทศ ที่ถูกแต่งตั้งโดยประชาชนอย่างคุ้มค่า และทำให้ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
จากนั้น นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ได้พูดกับสมาชิกในที่ประชุมว่า ตนเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลในปี 2562 ด้วย สมาชิกภาพความเป็น สส. ก็จะสิ้นสุดเช่นเดียวกัน ตนอยากจะบอกสุดท้ายว่า ตนขอบคุณทุกคนและเป็นเกียรติมาก ที่ได้ทำงานร่วมกับทุกคนและอยากจะบอกข้าราชการสภาผู้แทนราษฎรทุกคนว่า เคารพและขอบคุณทุกคน สุดท้ายอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ขอบคุณครับประชาชนขอบคุณครับ จากนั้นได้กล่าวปิดประชุม
จากนั้น สส.พรรคก้าวไกล ได้กอดคอกันกลางสภา หลายคนถึงขั้นร้องไห้ พร้อมชูกำปั้น โดยบรรดา สส. ได้ยืนระหว่างสองทางเดิน เพื่อกอดคอกับนายชัยธวัช หัวหน้าพรรค พร้อมให้กำลังใจ ขณะที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ได้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเป็นครั้งสุดท้าย ได้ลงจากบัลลังก์ และเข้าไปทักทายกับบรรดา สส. ในสภาฯ และมาร่วมวงกับ สส. พรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งหมดได้รวมกลุ่ม ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน พร้อมชูกำปั้น