
2 สิงหาคม 2567 นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอถอนฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หลังนายสนธิออกมาขอโทษผ่านรายการ “SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep252” และโพสต์ข้อความลงบนเฟสบุ๊กยอมรับว่าตนเข้าใจผิดว่านายจาตุรนต์เป็นคนสั่งการยกเลิกวิชาประวัติศาสตร์
โดยนายสนธิกล่าวว่า เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว นานมาแล้ว ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 61 ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ผมเคยออกรายการพูดพาดพิงถึงคุณจาตุรนต์ ฉายแสง โดยผมพูดว่า คนที่สั่งให้กระทรวงศึกษาธิการไม่ต้องสอนประวัติศาสตร์อีกต่อไป ชื่อ จาตุรนต์ ฉายแสง
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ต่อมาตนได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริงจากนายจาตุรนต์ และให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า นายจาตุรนต์ ไม่ได้เป็นคนสั่งการเกี่ยวกับเรื่องการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ก็เลยถือโอกาสขอโทษนายจาตุรนต์ เกี่ยวกับความเข้าใจผิดดังกล่าวด้วย
จุดเริ่มต้นของการดำเนินคดีเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 โดยนายจาตุรนต์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อนายสนธิ เนื่องจากการจัดรายการดังกล่าวสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคมเป็นวงกว้าง เพราะการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญของเด็กเยาวชนและประชาชนไทย ดังนั้นการที่ถูกกล่าวหาว่าไปเป็นผู้ยกเลิกวิชาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์จึงเป็นความเสียหายอย่างมาก
ทั้งนี้ระหว่างการพิจารณาได้มีพยานผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ประสบการณ์ทางด้านการศึกษามาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนว่าไม่เคยมีการยกเลิกวิชาประวัติศาสตร์ออกไปจากระบบการศึกษาไทยเลยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นายสนธิจึงแถลงต่อศาลว่าตนยินดีที่จะลบคลิปวิดีโอในเฟซบุ๊ก ยูทูป และเว็บไซต์ที่ได้พาดพิงในกรณีดังกล่าวออก รวมทั้งจะพูดในรายการ "SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง" เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและกล่าวขอโทษ จนเมื่อนายสนธิปฏิบัติตามที่ได้แถลงต่อศาลไว้ นายจาตุรนต์จึงถอนฟ้องในที่สุด
ขณะที่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนยินดีที่เรื่องนี้ยุติไปได้ด้วยดี ที่สำคัญก็คือยุติความเข้าใจผิดที่อาจจะมีอยู่ในสังคม เพราะว่านายสนธิเป็นผู้จัดรายการที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก เมื่อผู้คนได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปก็กลายเป็นความเสียหายทั้งต่อตนเองและเสียหายต่อระบบการศึกษา ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ตนต้องฟ้องแพ่งนายสนธิ แต่เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขที่หารือกันในศาลแล้ว ตนก็ได้ตัดสินใจที่จะถอนฟ้อง
"ผมก็ต้องขอขอบคุณคุณสนธิที่มีสปิริต เมื่อฟังข้อมูลข้อเท็จจริงแล้วก็พร้อมที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง ก็ต้องขอขอบคุณด้วยใจ และอยากจะอธิบายเพิ่มเติมว่าในครั้งที่ผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีแนวคิดให้พัฒนาการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ให้เด็กสามารถที่จะถกเถียงและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้อย่างเปิดกว้าง แต่ตอนที่มีหน้าที่อยู่เพียงสั้นๆ จึงไม่มีโอกาสที่ได้ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาใดๆเลย" นายจาตุรนต์ กล่าว
ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษาและอดีตอธิการบดีหลายมหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิชาประวัติศาสตร์ไม่เคยหายไปจากหลักสูตรไทย เพราะฉะนั้นที่บอกว่ามีคนเอาวิชาประวัติศาสตร์ออกไปจนทำให้เด็กเยาวชนลืมรากเหง้าของความเป็นไทยจึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง