กลายเป็นศึก “วิวาทะ” ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน หรือพูดให้ชัดคือ ระหว่าง “ผู้นำรัฐบาล - นายกฯตัวจริงจากพรรคเพื่อไทย” กับ “ผู้นำตัวจริงของด้อมส้ม และแคนดิเดตนายกฯของพรรคก้าวไกล” นั่นก็คือ “วิกฤตหรือ วิบัติ” กับ “สู้กับแรงค้านที่ไร้อนาคต”
วลีแรก สืบเนื่องจากวลีที่ 2 กล่าวคือ นายกฯเศรษฐา ตอบกระทู้ในสภาของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล จากก้าวไกล จึงนำมาสู่วลีที่ 1 ซึ่งนายพิธา วิจารณ์การตอบกระทู้ของนายกฯ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อไทย
จังหวะก้าวทางการเมืองครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการวางเกมของก้าวไกลมาก่อนแล้ว
เกิดคำถามว่าโครงการนี้คิดมาดีแล้วจริงหรือไม่ และสรุปว่าปัญหาเกิดจากใครกันแน่ เพราะกลายเป็นรัฐบาลเองที่ไม่ชัดเจน ดังนั้นคำอภิปรายของนางสาวศิริกัญญา ที่ว่าเหตุใดไม่มีโครงการอื่นมาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนก่อน ถือว่าทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
เพราะช่วงนี้มีกระแสเปรียบเทียบรัฐบาลเศรษฐา กับ รัฐบาลลุงตู่ ว่ารัฐบาลเพื่อไทยไม่ทำอะไร ได้แต่บอกให้รอเงินหมื่น ส่วนรัฐบาลลุงตู่ แจกและช่วยประชาชนระหว่างทางมากมาย ทำให้คนคิดถึง โดยเฉพาะ ”โครงการคนละครึ่ง“ ที่โดนใจคน และช่วยชาวบ้านร้านตลาดได้จริง และไม่มีปัญหาเรื่องขัดกฎหมาย
การเก็บงบประมาณไว้ ไม่นำมาใช้จ่ายแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ก็โดนใจคนกลุ่มมีการศึกษา และกลุ่มที่ติดตามการเมืองใกล้ชิดมากกว่าชาวบ้านทั่วไป เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลจงใจไม่เร่งผลักดันงบปี 67 เพื่อรอความชัดเจนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และกันงบกลางปี 67 เอาไว้ ไม่ยอมใช้ หรือใช้น้อยมาก ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน