svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ชำแหละ 4 ข้อต่อสู้ “กูรู” ฟันธง "ทักษิณ" รอดหรือร่วง?!? คดีมาตรา 112

ชำแหละ 4 ข้อต่อสู้ “กูรู” ฟันธง "ทักษิณ" รอดหรือร่วง?!? คดีมาตรา 112 ทำไมอดีตนายกฯ จึงมั่นใจเดินไปศาลเพื่อต่อสู้คดี อะไรเป็นหมัดเด็ดในการต่อสู้ และฉากทัศน์การต่อสู้คดีแบบต่าง ๆ

18 มิถุนายน 2567 เป็นอีกวันที่คดีของอดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร จะมีความชัดเจนมากขึ้น กรณีที่ต้องเป็นผู้ต้องหา ที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) ของเกาหลีใต้เมื่อปี2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ซึ่งวันนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญานัดเวลา 09.00 น. 

และก่อนที่จะถึงเวลาดังกล่าว ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ นอกเหนือจากอดีตนายกฯ จะเฉียดคุกบ้างหรือไม่ ก็คือ แนวทางการต่อสู้คดีของนายทักษิณ จะเป็นอย่างไร เหตุใดจึงมั่นใจเดินไปศาล เพื่อต่อสู้คดี
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
 

ข่าวจาก “เนชั่นทีวี - รายการ 3 บก." และ "เนชั่นอินไซต์” เปิดเเนวการต่อสู้คดี 4 ประเด็นสำคัญของอดีตนายกฯ

1.ไม่มีเจตนาหลบหนี และพร้อมสู้คดี 

2.คำว่า “Palace Circle” ที่ให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลี ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด มาตรา 112 

3.กระบวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนในยุค คสช. มีการแทรกแซงจากทหารและผู้มีอำนาจ ทำให้พนักงานสอบสวนไม่เป็นอิสระ

4.ราชกิจจานุเบกษา เรื่องพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้อดีตนายกฯทักษิณ จาก 8 ปี เหลือ 1 ปี มีเหตุผลข้อหนึ่งระบุว่า “มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” 

***ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปให้สัมภาษณ์หมิ่นสถาบัน จนเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 
ชำแหละ 4 ข้อต่อสู้ “กูรู” ฟันธง \"ทักษิณ\" รอดหรือร่วง?!? คดีมาตรา 112
 

จากการสอบถามผู้รู้ในแวดวงกฎหมาย ทั้งอัยการและศาล ประเมินน้ำหนักการต่อสู้ทีละข้อเอาไว้แบบนี้ 

หนึ่ง แนวทางการต่อสู้บางข้อใน 4 ข้อ สามารถใช้ต่อสู้ในชั้นศาลได้ และเป็นประโยชน์ต่อตัวอดีตนายกฯ 

โดยเฉพาะคำว่า “Palace Circle” ที่ต้องสู้ให้เเปลว่า ผู้เเวดล้อมสถาบัน ไม่ใช่ตัวสถาบันเบื้องสูง 

ต้องมีหลักฐานประกอบเป็นบริบทคำพูด เพื่อพิสูจน์เจตนาของการพูด 

มีข่าวอีกด้านหนึ่งว่า พนักงานสอบสวนเองก็ไม่มีคลิปฉบับเต็ม ที่จะพิสูจน์บริบทการสัมภาษณ์ทั้งหมดที่ว่านี้เช่นกัน จึงน่าจะเป็นประโยชน์กับอดีตนายกฯ 

-ย้อนดูองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

1.พฤติการณ์ที่เข้าข่ายมี 3 อย่างเท่านั้น คือ 

ดูหมิ่น / หมิ่นประมาท / หรืออาฆาตมาดร้าย อย่างใดอย่างหนึ่ง 

2.บุคคลที่ถูกกระทำและได้รับความเสียหาย มี 4 คนเท่านั้น 

พระมหากษัตริย์ / พระราชินี / รัชทายาท / และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

หากพิสูจน์ได้ว่า palace circle ที่พูดถึง ไม่ใช่บุคคลตามที่กฎหมายระบุ ก็จะไม่เข้าองค์ประกอบความผิด 

สอง ที่อ้างกระบวนการสอบสวนในยุค คสช. มีการแทรกแซงจากทหารและผู้มีอำนาจ ทำให้พนักงานสอบสวนไม่เป็นอิสระ 

ประเด็นนี้ กูรูกฎหมายมองว่า “นำสืบยาก” เว้นแต่จะมีการนำพยานที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีขณะนั้น มาสืบเป็นพยานยืนยันว่า ถูกข่มขู่จริง เเละจะต้องไม่ใช่คนเดียว จะต้องเป็นพนักงานสอบสวนส่วนใหญ่ เพราะการสอบสวนคดีลักษณะนี้ กระทำในรูปองค์คณะ 

**ประเด็นนี้หากพิสูจน์ได้ไม่ชัดเจน ศาลจะมองว่า เป็นการคาดคะเนเอาเองหรือไม่ ถือว่าไม่มีน้ำหนักพอในการหักล้าง 

สาม ประเด็นเคยได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ / โดยมีเหตุว่า “มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” 

ประเด็นนี้ “กูรูกฎหมาย” มองว่า เป็นคนละบริบทกับข้อกล่าวหาในคดี 

เพราะในคดีอาญา การพิสูจน์ความผิดจะดูข้อเท็จจริงเฉพาะคดีนั้น ไม่สามารถนำพฤติการณ์ในช่วงเวลาอื่นมายืนยันเพื่อต่อสู้ให้พ้นผิดได้ 

เรื่องนี้เรียกว่าเป็นการอ้าง “เรื่องต่างกรรมต่างวาระกัน” 

**เหตุดังกล่าวน่าจะเหมาะในการขอลดโทษหรือรอการลงโทษมากกว่าต่อสู้คดี

“กูรูกฎหมาย” สรุปว่า ประเด็นสำคัญที่สุดใน 4 ข้อที่อ้างเป็นข้อต่อสู้ มองว่า Palace Circle มีน้ำหนักมากที่สุด หากพิสูจน์ได้ว่า ความหมายไม่ใช่บุคคลตามที่บัญญัติในมาตรา 112 ก็จะไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทันที 

งานนี้อาจจะต้องนำพยานคนกลาง นักวิชาการ หรือนักภาษาศาสตร์มาสืบเป็นพยานกันเลยทีเดียว 

ส่วนความเป็นไปได้ที่อดีตนายกฯ จะเลิกวิธี “ตัดจบ” ด้วยการยอมรับสารภาพไปเลย โดยหวังให้ศาลรอลงอาญา แล้วอ้างเหตุต่างๆ ที่อ้างมา 4 ข้อ เป็นเหตุบรรเทาโทษแทนนั้น 

“กูรูกฎหมาย” อธิบายว่า หากจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง แล้วศาลสามารถพิพากษาได้ทันที โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐาน ต้องเป็นคดีที่มีอัตราโทษต่ำกว่า 5 ปีเท่านั้น

แต่หากคดีที่จำเลยให้การรับสารภาพ กฎหมายกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำไว้ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานหนักกว่านั้น ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยกระทำผิดจริง คือต้องสืบประกอบคำรับสารภาพ (ป้องกันการถูกบีบให้รับสารภาพจากนอกศาล) 

สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีอัตราโทษจำคุกตั้งเเต่ 3-15 ปี เท่ากับว่าคดีนี้ เเม้จะรับสารภาพเเล้ว ยังต้องสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ หรืออาจจะมีการสั่งสืบเสาะพฤติการณ์ของจำเลย 

ฉะนั้นในวันที่ 18 มิ.ย. จึงยังไม่สามารถมีคำพิพากษาได้ เเม้รับสารภาพ จึงไม่มีทางจบในนัดเดียว และเมื่อดูจากการตั้งประเด็นต่อสู้ของอดีตนายกฯ คาดว่าน่าจะสู้คดีมากกว่าสารภาพ
ชำแหละ 4 ข้อต่อสู้ “กูรู” ฟันธง \"ทักษิณ\" รอดหรือร่วง?!? คดีมาตรา 112