ผลโพลของสถาบันพระปกเกล้า หากมองผิวเผินจะสรุปได้ว่า “ก้าวไกล” คะแนนนิยมพุ่ง เพื่อไทยตามหลังไม่เห็นฝุ่น ซึ่งก็เป็นทิศทางที่สำรวจออกมาตรงกันทุกโพล
แต่หากพิจารณาจากความเป็นไปในทางการเมือง ผ่านมุมมองของนักรัฐศาสตร์อย่าง ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น อดีตเลขาธิการสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย และผอ.เนชั่นโพล จะพบแง่มุมที่แตกต่าง
โดย อ.เชษฐา กล่าวว่า ในส่วนของการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่เปรียบเทียบว่า ผลโพลนี้ “พรรคก้าวไกล” ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 8.33 เทียบกับการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.66 ในทางการเมืองถือว่าถ้า "พรรคเพื่อไทย" ยังทำผลงานได้ไม่เต็มที่แบบนี้ และนโยบายเรือธงอย่างเงินดิจิทัลยังทำไม่สำเร็จ แถมยังมีปัจจัยแทรกซ้อนในการบริหารงาน ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลแกว่งไปมา เช่น รัฐมนตรีลาออก 3 คนใน 3 สัปดาห์ แบบที่ไม่เคยเห็นมาในรอบ 40 ปีที่ผ่านมาแล้ว
แต่ “พรรคก้าวไกล” กลับมีคะแนนนิยมเพิ่มเพียงร้อยละ 8.33 ในขณะนี้ ถือว่าอัตราการเพิ่มในความนิยมในพรรคก้าวไกลมีน้อยกว่าที่ควรเป็น เพราะถ้าคู่แข่งอย่างเพื่อไทยเพลี่ยงพล้ำ อัตราการเพิ่มความนิยมในพรรคก้าวไกลควรจะก้าวกระโดดมากกว่านี้
ส่วนความนิยมที่อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ขณะนี้ ผลโพลที่ออกมาว่าคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาอันดับสอง คือ 17.7% ยังไม่สามารถสรุปได้แบบนั้น 100% เพราะคะแนนที่ให้กับ “อุ๊งอิ๊งค์” 10.5% และ “เศรษฐา” 8.7% ถูกแชร์กันในสังกัดพรรคเพื่อไทยเอง แต่ถ้ารวมคะแนนของพรรคเพื่อไทยเข้าด้วยกัน ความต้องการนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยยังขึ้นมาเป็นอันดับสอง อยู่ที่ร้อยละ 19.2
อ.เชษฐา ยังตั้งข้อสังเกตว่า ความห่างของคะแนนความนิยมในตัว"อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร และนายเศรษฐาใกล้กันมากขึ้น ต่างจากปีที่แล้วที่ ”อุ๊งอิ๊งค์“ ยังนำนายเศรษฐาอยู่พอสมควร แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีฐานเสียงพรรคเพื่อไทยเห็นนายเศรษฐาทำงานจริงจังก็เป็นได้ จึงเทคะแนนให้นายเศรษฐามาใกล้เคียงกับ "อุ๊งอิ๊งค์" ในขณะนี้
ส่วนที่คะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังติดท็อปโฟร์อยู่ ก็สื่อถึงสัญลักษณ์ที่ว่าพลังของฐานเสียงอนุรักษ์นิยมยังรวมตัวกันเหนียวแน่น และพร้อมสนับสนุนอดีตแกนนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเครื่องสะท้อนว่า สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ แบ่งเป็นสามก๊กอย่างแท้จริง คือ ก๊กเพื่อไทย ก๊กก้าวไกล และก๊กอนุรักษ์นิยมเดิม