สำหรับประเด็นที่กลุ่ม 40 สว. มอง คือ การที่ "พิชิต" เคยถูกลบชื่อออกจากสารบบทนายความ น่าจะเป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เพราะเป็นเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกับคดีถุงขนม 2 ล้านบาท สะท้อนความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์นั้น
ซึ่งจากการสอบถามนักกฎหมาย ที่มีความเกี่ยวข้องกับสภาทนายความ ได้ให้ข้อมูลว่า เหตุแห่งการลบชื่อพิชิต จากทะเบียนทนายความ อาจไม่สามารถนำมาอ้าง เป็นเหตุเชื่อมโยงกับคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีได้
โดยปัจจุบันพิชิต มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะยื่นจดประกอบวิชาชีพทนายความได้ และกรรมการสภาทนายความ ก็สามารถมีมติอนุมัติให้กลับมาประกอบวิชาชีพทนายความได้แล้ว เพียงแต่ตัวพิชิต ยังไม่เคยยื่นขอจดทะเบียนทนายความใหม่เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าพิชิต ได้ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนเพื่อประกอบวิชาชีพทนายความอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ แต่สิทธิ์ในการยื่นนั้นมีแน่ และสภาทนายความก็สามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนี้ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบข้อกฎหมาย โดยเฉพาะประเด็นการต่อสู้ระหว่าง "พิชิต" กับ "กลุ่ม 40 สว."
โดยเมื่อมาดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ซึ่งมีทั้งหมด 8 ข้อ 8 วงเล็บ แต่ที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับตัว "พิชิต" มีด้วยกัน 4 วงเล็บ หรือ 4 อนุมาตรา คือ
(6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98
(7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ
(4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
(5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
โดยทั้ง 2 ข้อนี้ "กฤษฎีกา" ยังไม่ได้ตีความ เพราะรัฐบาลไม่ได้ถามไป
และเมื่อมาดูทางฟากฝั่ง "พิชิต"
ขณะที่ทางฟากฝั่งกลุ่ม 40 สว. หยิบยกขึ้นมาใช้เป็นเหตุผลต่อประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องที่กลุ่ม 40 สว. ยื่นมา เข้าบรรจุสู่วาระการพิจารณาในวันที่ 23 พ.ค.นี้ จึงต้องมาลุ้นวันนั้นผลที่ออกมาจะมีบทสรุปเป็นเช่นไร