svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พิธา" ชวนร่วมปลดระเบิดเวลาการเมือง 6 ลูก จะได้ไม่เป็นภาระคนรุ่นต่อไป

"ก้าวไกล" จัดเสวนาใหญ่ "Why 6 Big Bang" ขณะที่ "พิธา" เช็กเรตติ้งกลางเวที บอกกลัวคนไม่มาเพราะจัดงานวันอาทิตย์ ชี้มี 6 วาระต้องผลักดันการเมืองไทย หากปล่อยไว้จะกลายเป็นระเบิดเวลา ให้คนรุ่นต่อไปมาแก้ไข โวเลือกตั้งรอบหน้าพรรคส้มจะโกย 270 เสียงแน่

19 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล ได้จัดงานมหกรรมนโยบายพรรคก้าวไกล Policy Fest ครั้งที่ 1 "ก้าวไกล Big Bang" ที่ ภิรัช ฮอลล์ ไบเทคบางนา  

โดย "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "Why 6 Big Bang" ระบุว่า รู้หรือไม่ว่า ตนกังวลใจมากแค่ไหนกับการปาฐกถาวันอาทิตย์ กังวลว่าพี่น้องจะไม่มาหรือมาสาย หรือลืมพิธาไปแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้เพิ่งกลับจากเยอรมัน เจ็ตแลคอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าพี่น้องประชาชนมากันเยอะ ตนก็จัดเต็มให้ 

"พิธา" ชวนร่วมปลดระเบิดเวลาการเมือง 6 ลูก จะได้ไม่เป็นภาระคนรุ่นต่อไป

อย่างไรก็ตาม การปาฐกถาในครั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่า อยากเห็นการเมืองเป็นเรื่องสนุก ทำให้เป็นเรื่องของคนทุกคน วันนี้ (19พ.ค.) ต้องมีถึง 6 Big Bang อยากเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ที่มีวาระเป็นของตัวเอง 

"วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์ว่า พรรคก้าวไกลไม่เหมือนพรรคอื่น และเรามีโปรเจคทางการเมือง มีวาระทางการเมือง 6 อย่าง ที่หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นระเบิดเวลาของประเทศ แต่ถ้าพวกเราตั้งใจทำงาน ตั้งใจสร้างนโยบายการเมือง ให้เป็นเรื่องสนุก ผมเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนระเบิดเวลา 6 ลูกนี้ ให้กลายเป็นศักยภาพของประเทศไทยได้" นายพิธา กล่าว 

 

ขณะเดียวกัน วันนี้ที่มารวมตัวกัน เดือน พ.ค.ของประเทศไทย เป็นเดือนที่มีความรู้สึกปนเปกันไป บางช่วงของประวัติศาสตร์เดือน พ.ค. คือ พฤษภาแห่งความกลัว บางปีเดือน พ.ค. ก็เป็นพฤษภาแห่งความหวัง ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา วันที่ 14 พ.ค. 66 คือ วันที่ 14 ล้านหัวใจทั่วประเทศไทย รวมกันเป็นหัวใจหนึ่งเดียว ที่อยากจะเห็นการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

 

"การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศไทยและทั่วโลกออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเข้าคูหาด้วยความหวัง ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ชอบพรรคก้าวไกล ไม่ว่าท่านจะเลือกหรือไม่เลือกพรรคก้าวไกล ทุกคนต้องยอมรับว่า ทศวรรษที่สูญหายตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ยึดอำนาจจนถึงการเลือกตั้ง นี่คือการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด บริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด" นายพิธา ระบุ 

นอกจากนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะตนชนะการเลือกตั้ง หรือเพราะก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง แต่นี่คือ "พฤษภาคมแห่งความหวัง" ที่ประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ารวย ดี มี จน คนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นใหญ่ มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมหรือก้าวหน้า ทุกคนเข้าคูหา

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของพรรคก้าวไกล ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคก้าวไกลชนะอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีการซื้อเสียงเลย แม้แต่บาทเดียว ยกตัวอย่างดัชนีชี้วัดและสถิติต่างๆ ที่ลดลงของประเทศในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา 

 

"อย่างที่ผมเคยสัญญาตอนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลว่า ผมไม่รังเกียจในการเป็นฝ่ายค้าน ขอซื่อสัตย์กับตัวเองทางการเมือง และทำงานเป็นฝ่ายค้าน เผลอๆ ถ้าฝ่ายค้านตั้งใจทำงาน ทำงานได้เยอะกว่ารัฐบาลอีก ในระบบประชาธิไตย ฝ่ายค้านเชิงรุกที่ทำงานก็สร้างความหวังให้กับพี่น้องประชาชนได้เช่นเดียวกัน" นายพิธา กล่าว 

 

ขณะเดียวกัน ยังได้ยกสมการความหวัง โดยอธิบายถึงการทำงานของฝ่ายค้านเชิงรุก ที่ควรมีส่วนประกอบของ

  1. ผู้นำที่เข้มแข็ง
  2. ประชาชนที่พร้อมแข่งขัน
  3. ความเชื่อใจในกันและกัน


อย่างไรก็ดี ถ้าประเทศไหนมี 3 องค์ประกอบนี้ ประเทศนั้นจะมีความหวังเสมอ ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคหรือความท้าทายแบบไหน นี่คือสาเหตุที่อยากจะบอกว่า ในการเมืองไทยมีพรรคการเมืองที่หลากหลาย ยังมีพรรคอย่างก้าวไกลที่พยายาม แม้ยังไม่เป็นพรรคที่สมบูรณ์แบบ

 

"เรายังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกเยอะ แต่อย่างน้อย เราพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะซื่อสัตย์กับประชาชน กับตนเอง ตรงไปตรงมา พยายามสะสมประสบการณ์ในสภา การเรียนรู้ราชการ นี่คือ 6 Big Bang ของประเทศไทย ที่ถ้าเราทิ้งไว้ จะเป็นระเบิดเวลา แล้วคนรุ่นต่อไป จะต้องมาแก้ไข" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ

 

นายพิธา กล่าวต่อว่า แต่ถ้ารัฐบาล พรรคการเมือง หรือผู้นำ เข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ พอที่จะสามารถลงทุนกับประชาชนให้มีความเข้มแข็งและมีความเขื่อมั่นซึ่งกันและกัน ไม่ใช่กับถนน ผ้าม่าน สัมนาอะไรไม่รู้ ถ้าบอกว่าวาระการทำงานของรัฐบาลคืออะไร ตนนึกไม่ออก แต่ก็ไม่อยากเป็นคนที่ค้านทุกเรื่อง หากพรรคตัวเองไม่มีวาระ ถ้าเป็นแบบนั้น ก็รับไม่ได้เหมือนกัน

 

"แล้วอะไรคือวาระทางการเมืองของคุณ ที่จะเอาภาษีของพี่น้องประชาชน เอาความไว้วางใจที่มั่นใจว่า คราวหน้าจะได้มากขึ้นอีก สงสัยคราวหน้าต้อง 270 เสียง หรือจะเอา 300 เสียง ตามตรรกะคูณ 2 แต่ผมไม่ได้พูดเล่นๆ ไม่ได้พูด เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีวาระที่ต้องการจะขับเคลื่อน" นายพิธา กล่าว 

 

สำหรับวาระดังกล่าว ถ้าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ ก็สามารถพูดได้ และเข้ามีส่วนร่วมได้ ซึ่งประกอบไปด้วย 6 ข้อ แบ่งเป็น

วาระเฉพาะหน้า

  1. เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพ
  2. เรียนรู้ทันโลก
  3. ยกระดับคุณภาพชีวิต และวาระเฉพาะกาล
  4. ปลดล็อกชนบทไทย
  5. ปฏิรูปรัฐครั้งใหญ่
  6. 6.ประชาธิปไตยเต็มใบ

 

นายพิธา กล่าวด้วยว่า แทนที่จะคิดนโยบายโดยเอากระทรวงมาเป็นตัวตั้ง โดยไม่เกิดการบูรณาการ เราต้องคิดแบบเอาวาระเป็นตัวตั้ง ให้หลายกระทรวงมารวมเป็นวาระเดียวกันได้ ไม่ต้องต่างคนต่างทำ

 

"ตอนที่เป็นไทยแลนด์ 4.0 ทุกกระทรวงของบประมาณมาสร้างถนน ขอสัมมนาภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 แต่ละกระทรวง ต่างคนต่างคิด แล้วก็มารวมกัน ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ใต้ซอฟต์พาวเวอร์ ทุกอย่างเป็นซอฟต์พาวเวอร์หมดเลย ก็เปลืองภาษีของท่าน ถึงต้องเอาปัญหาของประชาชน และประเทศมาเป็นที่ตั้ง" นายพิธากล่าว

 

นายพิธา ทิ้งท้ายว่า มาเดินทางไปด้วยกัน "แม้ว่าเขาจะทำอะไรกับพรรคเรา เขาก็ทำลายจิตวิญญาณของพวกเราไม่ได้ แม้ว่าเขาพยายามจะทุบ ทำลายพรรคการเมืองของเราไป หรือจะไม่ทุบก็แล้วแต่ เราจะหยิบอิฐกันคนละก้อน แล้วมาสร้างบ้านหลังใหม่ของพวกเราไปด้วยกัน อย่างไรผมอยู่กับพวกคุณแน่นอน"

จากนั้น เข้าสู่วงเสวนา Growth ปากท้องไทยเอาไงดี, การขับเคลื่อนนโยบายก้าวไกลผ่านกลไกกรรมาธิการสภาฯ, เปิดวิสัยทัศน์ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.), วงเสวนา State Reform รัฐไทยเอาไงดีและปาฐกถาปิดงาน หัวข้อ "อนาคตการเมืองไทย" โดย "นายชัยธวัช ตุลาธน" สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค