เปิดเบื้องลึก "ทักษิณ" บิน "ภูเก็ต-เชียงใหม่" ปฏิบัติภารกิจลับเพื่อชาติ

ช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปโผล่ที่เชียงใหม่บ้าง ที่ภูเก็ตบ้าง ทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นธรรมดาที่ อดีตนายกฯจะเดินทางไปท่องเที่ยว และพักผ่อน ตามสถานที่ต่างๆ หลังจากที่นอนรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นเวลานาน ขณะที่อีกกระแสข่าว บอกว่า อดีตนายกฯไปพบผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา

 “ทักษิณ” บินพบ ผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์

ล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ข่าวอดีตนายกฯไปพบผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ และแกนนำกองกำลังติดอาวุธในเมียนมาเป็นความจริง โดยการที่อดีตนายกฯ ไปเชียงใหม่ และไปภูเก็ต ความจริงแล้วไม่ได้ไปเที่ยว แต่มีภารกิจเพื่อบ้านเมือง โดยเฉพาะการพบปะกับผู้นำประเทศ และผู้นำที่มีอิทธิพลในประเทศเพื่อนบ้าน

โดยในส่วนของเมียนมา อดีตนายกฯพยายามเข้าไปพูดคุยเจรจาเพื่อยุติการสู้รบ เพราะได้รับการเชื่อถือไว้ใจจากทุกฝ่าย รวมถึง พลเอกอาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้นำสูงสุดของเมียนมา และผู้ทำรัฐประหารเมื่อปี 2564 จนเกิดสงครามยืดเยื้อในประเทศด้วย

ขอเป็นคนกลางสงบศึกษาสงครามกลางเมืองเมียนมา

เป้าหมายของอดีตนายกฯทักษิณ คือยุติสงครามกลางเมืองให้ได้ เพราะหากปล่อยยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย โดยอดีตนายกฯกำลังใช้ความสัมพันธ์ และเครดิตส่วนตัว เปิดช่องทางเจรจาหลายๆ ช่องทาง ไล่คุยไปทีละกลุ่ม พร้อมทั้งตั้งความหวังว่า ประเทศไทยอาจจะเป็นตัวกลางใน “กระบวนการสันติภาพ” เป็นเจ้าภาพสร้างสันติภาพในเมียนมาได้ ซึ่งจะช่วยฟื้นเครดิตของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคเพื่อไทย ยังบอกด้วยว่า การเดินทางไปภูเก็ตของอดีตนายกฯ เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีคิวพบกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน เพื่อเจรจาแก้ปัญหาและแสวงหาความร่วมมือบางอย่าง แต่แหล่งข่าวไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นการไปพบกับผู้นำชาติใด

โดยสาเหตุที่อดีตนายกฯเข้ามามีบทบาทในเรื่องการต่างประเทศ เนื่องจากสถานะของอดีตนายกฯ เคยเป็นผู้นำที่โดดเด่นในระดับภูมิภาค ได้รับเครดิตความเชื่อมั่นค่อนข้างมาก และรู้จักผู้นำชาติต่างๆ เป็นเพื่อนกับผู้นำหลายประเทศ

แหล่งข่าวยืนยันด้วยว่า การแสดงบทบาทของอดีตนายกฯในเรื่องนี้ มาจากความหวังดี ไม่ใช่การแทรกแซงการทำงานหรือนโยบายของรัฐบาล แต่เป็นการหนุนเสริมตามกำลังความสามารถที่จะทำได้

นี่คือข้อมูลจากทางฝั่งเพื่อไทย และทางเรายังได้รับการเปิดเผยจาก แหล่งข่าวในกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยว่า ในวงประชุม "ทักษิณ" ได้นำเอกสารแบบฟอร์ม มอบอำนาจให้ตัวเองเป็นคนกลางไปให้แต่ละกลุ่มลงนามด้วย ว่ากันว่า เรื่องเอกสารมอบอำนาจให้ทักษิณเป็นคนกลาง กลายเป็นหัวข้อการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในหมู่ผู้นำกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์

1.กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และฝ่ายต่อต้านเผด็จการทหารเมียนมา ยังไม่ทราบว่า ทักษิณจะพาพวกเขาไปในทางไหน

2.ฝ่ายต่อต้านไม่มั่นใจว่า ทักษิณเข้าใจความสลับซับซ้อนของปัญหาการสู้รบในเมียนมามากน้อยแค่ไหน

3.การเชิญตัวแทนกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ดูจะรีบร้อน ไม่ได้ศึกษาว่า ใครเป็นใครในกลุ่มต่อต้าน

4.ฝ่ายต่อต้านทั้งกลุ่มชาติพันธุ์ และ NUG ไม่ประสงค์จะเจรจากับสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ในรูปแบบนี้ ไม่ต้องการเจรจาทีละกลุ่ม พวกเขาต้องการพูดคุยสันติภาพครอบคลุมทุกกลุ่มทุกชาติพันธุ์

5.กลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้พบทักษิณ มองว่า การแก้ไขปัญหาการสู้รบในเมียนมา จะทำไม่ได้ โดยไม่มีการเข้าร่วมของกลุ่มชาติพันธุ์ทางตอนเหนือคือ ว้า(UWSA) คะฉิ่น(KIA) โกก้าง(MNDAA) อาระกัน(AA) และตะอาง(TNLA)  

“พวกเรามีความวิตกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของท่านทักษิณ เพราะเราไม่อยากจะขัดใจรัฐบาลไทย ที่ทำได้เวลานี้คือ ประวิงเวลา ยังไม่มีกลุ่มใดลงนามในเอกสารที่ท่านทักษิณยื่นให้” แหล่งข่าวในพื้นที่กล่าว

จากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า การเจรจาจะจบลงตรงไหน และจะมีการประชุมรอบใหม่อีกหรือไม่