svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ป.ป.ช. ฟัน "ศุภชัย-สุชาติ" ปมไม่มีสิทธิ์แต่ยังครอบครองที่ดินของรัฐ

25 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด "ศุภชัย โพธิ์สุ-สุชาติ ภิญโญ" กรณีไม่มีสิทธิ์ แต่ยังครอบครองที่ดินของรัฐ เพื่อสร้างประโยชน์แก่ตัวเองกีดกันประชาชนได้รับสิทธิ

25 เมษายน 2567 "นายนิวัติไชย เกษมมงคล" เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด "นายศุภชัย โพธิ์สุ" อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีต สส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กรณียึดถือครอบครองและเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส. 2 หรือ ใบจอง ในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ท้องที่อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม โดยการซื้อที่ดินและไม่มีหลักฐานใบจองที่ดิน จำนวน 40 แปลง เนื้อที่ 220 ไร่

ทั้งนี้ โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวน ปรากฏว่านายศุภชัย ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.นครพนม เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2551 กรณีเข้ารับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2552 และกรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.นครพนม เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 โดยแจ้งว่าครอบครองที่ดินประเภทใบจอง (น.ส. 2) ในท้องที่ตำบลพะทาย อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม จำนวน 40 แปลง เนื้อที่รวม 220 ไร่

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อปี 2532 ถึงปี 2534 นายศุภชัย ซึ่งเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการจัดสรรที่ดิน และเป็นผู้ไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินและใบจองในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ได้ซื้อที่ดินโดยทำสัญญาซื้อขายและสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับประชาชน ผู้ได้รับจัดสรรที่ดินและได้รับใบจอง (น.ส. 2)  ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินชั่วคราว ในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย ท้องที่อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม จำนวน 40 แปลง เนื้อที่รวม 220 ไร่ 

อย่างไรก็ตาม ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวไม่สามารถโอนหรือซื้อขายเปลี่ยนมือได้ เว้นแต่ตกทอดโดยมรดก หลังจากที่มีการส่งมอบใบจองและการครอบครองที่ดินให้นายศุภชัยแล้ว นายศุภชัยได้เข้าทำประโยชน์โดยปลูกต้นยางพาราเต็มพื้นที่ต่อเนื่องเรื่อยมา   แม้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จะมีคำสั่งให้ผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินและใบจองเดิมสิ้นสิทธิในที่ดิน และออกจากที่ดินและจำหน่ายสิทธิใบจอง ตามมาตรา 32 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2556 วันที่ 5 ก.ย. 2565 และวันที่ 22 ก.ย. 2565

ภายหลังมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ

การที่นายศุภชัย ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และสส.นครพนม และยังดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง มีหนังสือ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2566 และวันที่ 12 ก.ค. 2566 ขอสละสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดิน แปลงที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มีคำสั่งจำหน่ายใบจองที่ดินดังกล่าว จึงไม่มีผลให้การยึดถือครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินประเภทใบจอง (น.ส. 2)

ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐในโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่แปลงป่าดงพะทาย โดยการซื้อที่ดินและไม่มีหลักฐานใบจองที่ดิน (น.ส. 2) รวมทั้งไม่มีคุณสมบัติในการที่จะได้ที่ดินตามระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน ลงวันที่ 24 ส.ค. 2498 ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายศุภชัย โพธิ์สุ ไม่เป็นความผิดแต่อย่างใด

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่าการกระทำของนายศุภชัย เป็นการครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ของรัฐ ทั้งยังเป็นการกีดกันผู้ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง หรือมีอยู่แล้วแต่เป็นจำนวนน้อยไม่พอเลี้ยงชีพ

ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 7 และข้อ 17 ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 และข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 9 และข้อ 10

ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายสุชาติ ภิญโญ อดีต สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กรณียึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินในเขตป่าไม้ถาวรป่าวังน้ำเขียว ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยมิชอบ

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสุชาติ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 โดยแจ้งว่า น.ส.พรทิพย์ ทองแสงสุข ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ได้ยึดถือครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ ภ.146 บริเวณบ้านห้วยน้ำเค็ม หมู่ที่ 11 ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2554 และยึดถือครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ 251/54 บริเวณบ้านวังไผ่ หมู่ที่ 12 ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จำนวน 6 แปลง เนื้อที่ประมาณ 250 ไร่  3 งาน 90 ตารางวา ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2554 โดยให้บุคคลอื่นปลูกข้าวโพดประมาณ 100 ไร่ 

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ ภ.146 อยู่ในเขตป่าไม้ถาวรป่าวังน้ำเขียว เป็นที่ดินของรัฐตามประกาศของกรมป่าไม้ พ.ศ. 2506 และ น.ส.พรทิพย์ ไม่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เข้ายึดถือครอบครอง หรือได้รับการยกเว้นให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว จากหน่วยงานของรัฐ  

อย่างไรก็ตาม การเข้ายึดถือครอบครองดังกล่าว จึงเป็นการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถาง โดยฝ่าฝืนมาตรา 54 ซึ่งให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484

สำหรับที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขที่สำรวจ 251/54 อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้นำไปจัดสรรให้แก่เกษตรกรตั้งแต่ พ.ศ. 2543 น.ส.พรทิพย์ มิได้เป็นผู้ยากไร้หรือไร้ที่ดินทำกิน เนื่องจากมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทและห้างหุ้นส่วน มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองรถยนต์จำนวนหลายคัน และมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหลายแปลง

โดยนายสุชาติ และ น.ส.พรทิพย์ ได้ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว จนกระทั่งนายสุชาติ ได้รับเลือกตั้ง เป็น สส.นครราชสีมา ก็ยังคงยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องเรื่อยมา ทั้งที่นายสุชาติ และน.ส.พรทิพย์ ไม่ใช่บุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร และไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพเกษตรกรรม ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม  

อย่างไรก็ดี คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่าการกระทำของนายสุชาติ เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ถูกบุกรุกทำลาย และก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์การดำรงตำแหน่งอันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงและเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 ประกอบข้อ 3 และข้อ 27 วรรคสอง  ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป

logoline