svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ผิดมารยาทตรงไหน! "ปดิพัทธ์" ถามคนเพื่อไทยหลังมาตามร่างกฎหมายค้าง 31 ฉบับ

01 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มาตามนัด! "ปดิพัทธ์​" เยือนทำเนียบ​รัฐบาลตามร่างกฎหมายคั่งค้าง​ 31 ฉบับ ปัดรุกล้ำหรือกดดันให้เซ็น แต่มาหาทางออกร่วม​ ถามคนเพื่อไทยผิดมารยาทตรงไหน หลังส่งเสียงวิจารณ์

1 มีนาคม 2567 จากกรณีที่ "นายปดิพัทธ์ สันติภาดา" รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แถลงข่าววานนี้ (29ก.พ.) ว่าจะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามร่างกฎหมาย 31 ฉบับ จากนายกรัฐมนตรี

โดยนายปดิพัทธ์ ได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล​ด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่ง​พร้อมรถตู้ข้าราชการจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทน​ราษฎร​ติดตาม​ 2 คัน​ ผ่านทางประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วก่อนหน้านี้

จากนั้น นายปดิพัทธ์​ ให้สัมภาษณ์ว่า​ การเดินทางมาครั้งนี้ตามที่มีข่าวออกไปว่าตนมาบุกนั้น ไม่ใช่เลย แต่เป็นการมาขอประชุมร่วมเพื่อติดตามความก้าวหน้าของร่างกฎหมาย เพราะจากที่ตนเคยสอบถาม ถึงสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีไม่เซ็นรับรองร่างกฎหมาย เนื่องจากต้องรอรับความคิดเห็นจากหน่วยงาน แต่เมื่อไม่มีรายละเอียดบอกว่าแต่ละร่างรอหน่วยงานไหนอย่างไร และไม่ทราบถึงขั้นตอน ตนจึงอยากรู้ว่าจะทำอย่างไรกันดี จึงมาขอหารือกับทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) 

ส่วนจะได้เจอใครหรือไม่นั้น ไม่เป็นไร เพราะตนเพียงแค่อยากมารู้ขั้นตอน เพราะเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติจะได้หารือกัน พร้อมยกตัวอย่างว่า ประเด็นที่ไม่มาตอบกระทู้ถามสดสำนักเลขานายกฯ ก็ควรที่จะต้องทราบ เพราะต้องมีเอกสารชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจน​ แต่เอกสารชี้แจงแต่ละครั้ง ไม่มีรายละเอียดว่าติดภารกิจอะไร

ส่วนที่ สส.พรรคเพื่อไทย มองว่าการเดินทางมาทำเนียบในวันนี้ (1มี.ค.) จะเป็นการรุกล้ำอำนาจฝ่ายบริหารและเกินหน้าที่​นั้น ตนไม่ได้มากดดันให้เซ็น​ และไม่ได้มองว่าตัวเองรุกล้ำ พร้อมมองว่าหากจะไม่เห็นชอบจะดีกว่า​ ไม่อย่างนั้นจะไม่ชัดเจน​ และเจ้าของร่างก็ไม่รู้ว่าจะต้องปรับปรุงร่างของตัวเองหรือไม่ ดังนั้น อาจจะต้องมีการปรับปรุงอย่างไรก็ควรจะบอกมา

 

"แต่หากเราไปเรื่อยๆ และขณะนี้ 6 เดือนกว่าแล้ว ฉะนั้นการจะตีร่างการเงิน ถือว่ามีขอบเขตที่กว้างมาก ยกตัวอย่าง ร่างรับราชการทหารและการถ่ายโอนกำลังพล​ และร่างกฎหมาย PRTR (Pollutant Release and Transfer Register)  และร่างเปิดเผยข้อมูลมลพิษ ถูกตีความว่าเป็นร่างการเงิน ฉะนั้นการจะตีความร่างอย่างไร เราต้องการความชัดเจนในเรื่องนั้น" นายปดิพัทธ์ ระบุ

 

ส่วนจะได้พูดคุยกับฝ่ายบริหารหรือไม่ ตนคิดว่าถือเป็นการพูดคุยครั้งแรกก็แล้วกัน และไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ๆ ซึ่งก็ต้องเข้าใจฝั่งรัฐบาลด้วย แต่ถ้าหากไม่พูดคุยกัน และโต้ตอบผ่านทางสื่อมวลชนอย่างเดียว มันก็ไม่มีโอกาสปรับปรุง

ส่วนจะได้พูดคุยกับ​ "นายสมคิด​ เชื้อคง" รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด แต่ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ และตนได้ส่งหนังสือประสานงานมายัง สลน. เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่าน

ส่วนที่เดินทางมาเองนั้นถือว่าการประสานงานระหว่างวิปรัฐบาลกับสภาไม่เชื่อมโยงกันหรือไม่นั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของวิปฯ​ แต่ตนเป็นรองประธานสภา ที่กำกับดูแลเรื่องการตรากฎหมายโดยตรง ดูให้ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล​ และการมาทำเนียบครั้งนี้ ทางประธานสภาและรองประธานสภาคนที่ 2 ไม่ได้มีความเห็น เพราะการดูแลกฎหมายเป็นหน้าที่ของตนโดยตรง

เมื่อถามว่า ที่ฝ่ายการเมืองมองว่าการทำเช่นนี้ เป็นการทำในฐานะส่วนตัวนั้น ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ยืนยันว่าสถานการณ์ในการพิจารณากฎหมาย ก็มีหลายอย่าง ที่บางร่างไม่เข้าสภาฯสักที หากสภาทำได้เพียงแค่รอร่างจากรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดหลักการสากล​ 

เมื่อถามต่อว่า ธรรมเนียมที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีที่รองประธานสภาต้องมาตามกฎหมายเองที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายปดิพัทธ์​ ระบุว่า ทั้งทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาต้องทำงานใกล้ชิดกัน และหากทำงานร่วมกันความไม่เข้าใจกันก็จะลดลง และไม่คิดว่าต้องวางตัวห่างกัน ซึ่งฝ่ายบริหารก็เข้าสภาบ่อย สภาก็มีโอกาสมาเยี่ยมคารวะพูดคุยเพื่อให้แก้ไขปัญหา ซึ่งตนมองว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดธรรมเนียมอะไร

สำหรับเป้าหมายการเดินทางมาทำเนียบวันนี้ หากได้เจอฝ่ายบริหารของทำเนียบ ก็คงเป็น 3 ประเด็น ที่สื่อมวลชนและประชาชนกังวล เกี่ยวกับการทำงานร่วมกันระหว่างสภากับรัฐบาล อาทิ ท่าทีของประธานวิปรัฐบาล ที่เรียกร้องให้เข้ามาตอบกระทู้ รวมถึงขั้นตอนทางธุรการต้องเนี๊ยบกว่านี้ ควรระบุให้ชัดเจนว่าติดภารกิจอะไร ซึ่งมองว่าตรงนี้ต้องมีการสะท้อน ไม่ใช่ตอบโต้กันผ่านเพียงหน้าสื่อมวลชนเท่านั้น

 

"แน่นอน ผมไม่ได้ไร้เดียงสา เพราะมันมีจังหวะทางการเมือง ที่จะทำให้ร่างกฎหมายไหนเข้าหรือไม่เข้า แต่อย่างน้อยต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา ว่าติดเรื่องอะไรบ้าง และยืนยันว่าไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นอะไร" นายปดิพัทธ์ กล่าว 

 

เมื่อถามย้ำว่า ทางสมาชิกพรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นเรื่องของมารยาท นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนขอถามกลับว่า การที่จะมาทำงานร่วมกันเพื่อทำงานให้ดีขึ้นมันผิดมารยาทตรงไหน​ ตนเข้ามาปิดทำเนียบหรือ​ มาแบบไม่สุภาพหรือ​ แต่ตนเข้ามาเพื่อขอความร่วมมือ และหาทางออกในการพิจารณากฎหมายให้ประเทศชาติ​ แต่ถ้าหากมองว่าเป็นการลุกล้ำ ก็มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ แต่ยืนยันว่าตนมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จสิ้น ได้เดินเท้าต่อมายังบริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 เพื่อรอพบกับตัวแทนของ สลน. โดยระหว่างที่ยืนรออยู่หน้าตึกบัญชาการ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาล ได้พยายามติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ สลน. ว่าใครจะลงมาพูดคุย

ทำให้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งยืนรออยู่พูดว่า "สำนักงานเลขาธิการนายกฯ มีกี่คน ไม่อยู่สักคนเลยเหรอครับ"

จากนั้น รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้โชว์ภาพเอกสารที่ส่งมายัง สลน. ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่าจะมีการมาสอบถามความคืบหน้าของร่างกฎหมายต่อ สลน. ที่ทำเนียบรัฐบาล กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที คณะของผู้อำนวยการกองงานประสานงานทางการเมือง สลน. โดยนายจงเจริญ สุวรรณรัตน์ ได้มาพบกับรองประธานสภาฯ คนที่ 1 พร้อมกับเชิญขึ้นไปพูดคุยที่ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 2 
     
ต่อมา เวลา 14.00 น. รองประธานสภาฯ คนที่ 1 กล่าวว่า การมาที่ทำเนียบฯในวันนี้ เพื่อมาดูกระบวนการทำงานทางธุรการ ว่าเมื่อมีการส่งร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงินมาแล้ว มีกระบวนการอย่างไร เพราะเวลาบอกว่ารอความเห็นจากหน่วยงานมันครอบคลุมทุกอย่าง รวมถึงมาสอบถามเรื่องการการตอบกระทู้ถาม ที่เป็นประเด็นว่ารัฐมนตรีไม่มาตอบ แม้ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ระบุว่า หากรัฐมนตรีไม่มาตอบต้องชี้แจงเป็นหนังสือ บางท่านก็ชี้แจงละเอียด แต่บางท่านก็ชี้แจงไม่ละเอียดแค่บอกว่าติดภารกิจ ดังนั้น ต่อจากนี้อยากให้ชี้แจงชัดเจนขึ้น อีกประเด็นคือเรื่องความเดือดร้อนประชาชนที่ส่งมาที่ทำเนียบฯ หลังจากมีหารือในการประชุมสภาฯ ตรงนี้เราจะติดตามได้อย่างไร เนื่องจากประธานสภาฯ ร้อนใจว่าเรื่องหารือมีการตอบรับน้อย และจะสื่อสารกับประชาชนอย่างไร
    
ด้านนายจงเจริญ กล่าวว่า รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหนังสือมาถึง สลน. โดยมีการพิจารณาแล้ว มีการมอบหมายตนไปพบรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่รัฐสภา ตนจึงอยู่ระหว่างรอว่าจะให้ไปพบเมื่อไหร่ เป็นจังหวะหนังสือที่ส่งสวนทางกันจึงอาจดูขลุกขลักในวันนี้

โดยภายหลังจากหารือประมาณ​ 30 นาที​ นายปดิพัทธ์​ ให้สัมภาษ​ณ์ว่า​  การหารือในครั้งนี้เพื่อติดตาม​ว่าขั้นตอนการเสนอกฎหมายอยู่ในขั้นตอนใด​ และเป็นการกระตุ้นให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง​ รับทราบถึงศักยภาพของหน่วยงาน​ นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงการตอบกระทู้ของรัฐมนตรี หากไม่มาขอให้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผล

"เศรษฐา" ถามพฤติกรรมถูกต้องหรือไม่

ขณะที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องการดอง ไม่ทราบเรื่องคำศัพท์อะไรพวกนี้ แต่นายสมคิด ก็ได้ประสานรับเรื่องไว้แล้ว เดี๋ยวก็คงต้องไปดู 

ส่วนวันนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า การเดินทางมาของนายประดิพัทธ์ ไม่ได้มีการประสานล่วงหน้า ทำให้เกิดภาพมายืนรอ ไม่มีใครต้อนรับนานพอสมควรนั้นเรื่องนี้ตนไม่ทราบ ก่อนจะย้อนถามว่า มันเป็นพฤติกรรมที่ถูกต้องหรือไม่ ที่รองประธานจะบุกมาที่ทำเนียบรัฐบาล และไม่แน่ใจว่าต้องมีการประสานให้ชัดเจนหรือไม่ ถ้าประสานกันดี บอกเวลา แนะแนว ตนว่าทำเนียบก็เปิดรับ "เราเป็นคนไทย เราต้องรับแขกอยู่แล้ว" 

เมื่อถามย้ำว่า มันไม่ใช่ธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมาใช่หรือไม่ ที่รองประธานสภาจะบุกมาถึงทำเนียบรัฐบาล นายกฯ มองว่ามันต้องมีครั้งแรกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ต้องให้ความเป็นธรรม ก็จะไปดูแลให้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร

ยืนยันจะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติหายคลางแคลงใจ

ส่วนที่ สส.พรรคเพื่อไทย ออกมายอมรับว่า ถ้านายกฯไม่เดินทางไปสภา รัฐมนตรีก็จะไม่มาตอบกระทู้ แต่ถ้าวันไหนที่นายกฯเข้า ก็จะแห่กันเข้าไป นายเศรษฐา​ กล่าวว่า ตนจะพยายามเข้าประชุมสภา ทุกวันพฤหัสบดี ถ้าอยู่ประเทศไทย แต่ถ้าไม่อยู่ ก็ได้กำชับให้ทางรัฐมนตรีไปบ้างแล้ว และได้มอบอำนาจไป ให้คนไปตอบแทน หรือถ้าคนที่ไปตอบแทนไม่ว่างหรือติดภารกิจ ก็ต้องมอบต่อไปอีกทีหนึ่ง

 

"เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน เราต้องให้ความสำคัญกับสภาด้วย เมื่อไหร่ที่มีข้อสงสัย ข้อคลางแคลงใจ เราก็ต้องไปตอบ และในวันอาทิตย์นี้ก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ก็จะนำไปสั่งการในที่ประชุมเป็นข้อแรก ว่าให้ไปตอบกระทู้ หากไม่ว่างก็มอบให้คนไปตอบแทน" นายเศรษฐา ระบุ

 

เมื่อถามว่า เมื่อสั่งการแล้วจะเกิดคำพูดว่านายกฯ ไม่เข้ารัฐมนตรีก็จะไม่เข้าหรือไม่ นายเศรษ​ฐา กล่าวว่า ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเป็นฝ่ายบริหาร หากฝ่ายนิติบัญญัติมีความไม่สบายใจเกิดขึ้น ก็ต้องให้ความกระจ่าง มีหน้าที่ต้องไปตอบคำถาม


 

logoline