svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เรืองไกร" ร้อง กกต.สอบ "สุดาวรรณ" ปมนิติกรรมอำพรางส่อขาดคุณสมบัติรมต.

25 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ยื่น กกต. สอบ "สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล" ปมขายหุ้นแต่ยังไม่ได้เงิน จำนวน 459 ล้าน หวั่นเป็นนิติกรรมอำพราง ชี้เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ส่อทำขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี

25 กุมภาพันธ์ 2567 จากการที่ "นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผ่านทางไปรษณีย์ เพื่อขอให้ตรวจสอบ "น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล" รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กรณียื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งรายได้ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.

จากกรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2566 โดยแจ้งรายการซื้อขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงินไว้ ดังนี้

มีรายได้จากการขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงิน 459,364,000 บาท มีเงินให้กู้ยืมเป็นลูกหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น5รายรวม 459,364,000 บาท 

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2566 น.ส.สุดาวรรณ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ในฐานะรัฐมนตรีอีก

ทั้งนี้ กรณีจึงควรใช้บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินรวมทั้งรายได้ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตําแหน่ง สส. มาเป็นข้อมูลในการตรวจสอบรายได้จากการขายหุ้น แต่ยังไม่ได้รับเงิน แต่ตั้งเป็นลูกหนี้ไว้ ว่า น.ส.สุดาวรรณ ในตำแหน่ง รมว.ท่องเที่ยวฯ มีการขายหุ้นดังกล่าวจริงหรือไม่ เหตุใดการขายหุ้นจึงไม่ได้รับชําระเงินเลย และทําไมจึงแจ้งเป็นเงินให้กู้ยืม (ลูกหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น) ด้วยจำนวนที่เท่ากัน คือ 459,364,000 บาท

อย่างไรก็ตาม หาก กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วมีเหตุอันควรสงสัยว่า ณ วันดํารงตำแหน่งรมว.ท่องเที่ยวฯ การซื้อขายหุ้นดังกล่าวยังไม่ได้ชำระเงิน ซึ่งมีจำนวนสูงมากนั้น จะเข้าข่ายเป็นการทํานิติกรรมอําพราง การถือหุ้นไว้ให้อยู่ในความครอบครอง หรือดูแลของบุคลอื่นไม่ว่าในทางใดๆ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 วรรคสี่ หรือไม่

นายเรืองไกร ระบุว่า จะถือได้ว่า น.ส.สุดาวรรณ ในฐานะรมว.ท่องเที่ยวฯ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากถือเกินร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่า เข้าข่ายกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 วรรคหนึ่งหรือไม่ อันจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่

ขณะเดียวกัน เนื่องจาก น.ส.สุดาวรรณ ได้แสดงรายการหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือไว้ด้วย รวมเป็นเงิน 193,725,000บาท โดยมี 3ร ายการ ซึ่งกู้จาก "นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล" ผู้เป็นบิดา อดีต รมช.คมนาคม 2 รายการ และกู้จากนางยลดา หวังศุภกิจโกศล ผู้เป็นมารดา และนายก อบจ.นครราชสีมา 1 รายการ มีคำอธิบายระบุไว้ว่า เป็นเจ้าหนี้สัญญาซื้อขายหุ้นวันที่ทำสัญญา คือ วันที่ 17 ก.ค. 2562 

 

"เพื่อให้การตรวจสอบครบถ้วนรอบด้าน จึงขอให้ กกต.นําข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายวีรศักดิ์  และนางยลดา ที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. ทุกครั้ง มาประกอบการตรวจสอบ เพื่อให้ทราบถึงรายการเคลื่อนไหวทางเดบิต หรือเครดิตทางบัญชี หรือรายการรับจ่ายทางการเงิน (ถ้ามี) เกี่ยวกับการการซื้อขายหุ้นหรือจําหน่ายจ่ายโอนหุ้น หรือเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นดังกล่าวด้วยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความเกี่ยวข้องกับการเป็นรัฐมนตรีของวีรศักดิ์ มาก่อนด้วยหรือไม่" นายเรืองไกร ระบุ

 

อนึ่ง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2566 ป.ป.ช. ได้มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ "น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. โดยแจ้งบัญชีทรัพย์สินทั้งสิ้น 805,400,298 บาท

  • หนี้สิน 195,015,587 บาท
  • บัญชีเงินฝาก 25 บัญชีเงินฝาก 22,977,584 บาท
  • รายการเงินลงทุน 5 รายการ มูลค่า 1,069,804 บาท


มีรายการขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงินไม่ครบ จากมูลค่าทั้งหมด 459,304,000 บาท  โดยขายหุ้นให้ 

- น.ส.วีรียา หวังศุภกิจโกศล มูลค่า 375,900,000 บาท มียอดหนี้คงเหลือ 372,900,000 บาท
- นายชาคริต หวังศุภกิจโกศล มูลค่า 63,535,000 บาท มียอดหนี้คงเหลือ 30,995,000 บาท
- นายศิลป์ อุบลแย้ม มูลค่า 16,200,000 บาท มียอดหนี้คงเหลือ 3,844,000 บาท
- นายบัณฑิต ยลถวิล มูลค่า 21,525,000 บาท มียอดหนี้คงเหลือ 11,685,000 บาท
- นายประสาท รัตนศรี มูลค่า 60,770,000 บาท มียอดหนี้คงเหลือ 39,940,000 บาท

  • ที่ดิน  56 แปลง มูลค่า 216,934,380 บาท โดยเป็นทั้งโฉนดที่ดิน และ น.ส.3 ก. ในอำเภอโชคชัย, อำเภอเสิงสาง, อำเภอเมือง, อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา และที่ดินในกรุงเทพมหานคร อีก 1 แปลง
  • มีบ้านและห้องชุด 5 หลัง มูลค่า 62,034,853 บาท ในเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 1 หลัง, ในอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา 2 หลัง และห้องชุดในเขตราชเทวี 2 ห้อง รถจำนวน 5 คัน
  • มีสิทธิและสัมปทาน 16 รายการมูลค่า 25,164,676 บาท  


ทรัพย์สินอื่นอีก 11 รายการ มูลค่า 7,555,000 บาท ประกอบด้วย

  • ต่างหูเพชร 4 คู่ มูลค่า 5 ล้านบาท
  • นาฬิกา Louis Vuitton 1 เรือน มูลค่า 120,000 บาท
  • นาฬิกา Cartier 1 เรือน มูลค่า 120,000 บาท
  • นาฬิกา Rolex 1 เรือน มูลค่า 1,100,000 บาท
  • นาฬิกา BVLGARI 1 เรือน มูลค่า 390,000 บาท
  • นาฬิกา Franck Muller 1 เรือน มูลค่า 380,000 บาท
  • กำไลข้อมือ Cartier
logoline