svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สภาฯ คว่ำร่างกฎหมายรับรองเพศ หวั่นเป็นช่องโหว่ใช้ก่ออาชญากรรม

สภาฯ คว่ำร่างกฎหมายรับรองเพศ คำนำหน้านาม หวั่นเป็นช่องโหว่ใช้ก่ออาชญากรรม "เพื่อไทย" ย้ำไม่ว่าจะมีคำนำหน้านามแบบไหนควรภูมิใจในตัวเอง

21 กุมภาพันธ์ 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. .... ที่นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ซึ่งอภิปรายหลักการและเหตุผลการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า ตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง

แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายรับรองบุคคล ผู้มีความหลากหลายทางเพศ จึงส่งผลให้เกิดการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะเอกสารของรัฐไทยยังคงกำหนดให้ใช้คำนำหน้านาม ซึ่งถือตามเพศกำเนิดได้แก่ เด็กชาย เด็กหญิง นาย นางสาว และนาง ส่งผลให้บุคคลข้ามเพศและผู้มีความหลากหลายทางเพศอื่นประสบปัญหาในการแสดงตัวตน การตัดสินใจกำหนดวิถีทางเพศของตน และกระทบต่อการดำเนินชีวิต

ขณะที่กฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนสากลได้รับรองเรื่องความหลากหลายทางเพศ ซึ่งยอมรับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศที่มีความหลากหลาย ดังนั้นสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมุ่งให้เกิดการคุ้มครองและรับรองสิทธิ ในเรื่องการใช้คำนำหน้านาม การระบุเพศของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตามหลักสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล

ทั้งนี้ภายหลัง นายธัญวัจน์ อภิปรายหลักการและเหตุผลเสร็จสิ้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันอภิปรายอย่างกว้างขวาง มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่างกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว อาทิ

เพื่อไทย ห่วงเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อสุ่มเสี่ยงก่ออาชญากรรม

นายธีระชัย แสนแก้ว สส.จังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่ได้อภิปรายถึงความกังวล ต่อร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ว่าหากมีการยินยอมให้เปลี่ยนคำนำหน้านามได้เองตามที่ต้องการอาจเกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรมมากเกินไป เช่น การเปลี่ยนคำนำหน้านามเพื่อที่จะไปหลอกลวงทรัพย์ , ลวนลามเพศตรงข้าม เป็นต้น   ซึ่งในประเด็นเรื่องการต้องโทษจากความคิดเห็นหลายฝ่ายโดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ เรื่องการจำคุกที่มีการแบ่งนักโทษชายและนักโทษหญิง หากสมมุติเพศทางเลือกได้มีการทำความผิดและมีจิตใจตรงข้ามกับเพศสภาพก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะให้ไปอยู่กับชายหรือหญิง พร้อมกังวลว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านอาจก่อให้เกิดปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศและการทำร้ายร่างกายมากขึ้น

ชี้ควรภูมิใจในตัวเองไม่ว่าคำหน้านามเป็นแบบไหน

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่สภาเปิดพื้นที่ให้กับการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพมนุษยชน และรู้สึกเท่ที่สภาไทยพูดถึงเทรนของโลก ลบกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีหลายเรื่องที่ให้ความเป็นธรรม เช่น นิติสินสมรส และเสรีภาพขั้นพื้นฐานอื่นๆ แต่พอมาดูเรื่องของคำเปลี่ยนคำนำหน้านาม เราต้องรับฟังให้รอบ อย่าเหาะเกินลงกา ไปไกลชนิดที่ว่าสุดลิ่มทิ่มประตู และจะทำให้สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่  พร้อมย้ำว่าการที่เราจะภาคภูมิใจหรือไม่ภาคภูมิใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้คำนำหน้าว่าอะไร 

“คงไม่ใช่ว่าปกติเป็นคนหม่นหมองตรอมเศร้า ผลไม้ที่ชอบคือระกำ ปลูกดอกไม้ก็ปลูกดอกลั่นทม ฉันจะปลูกหญ้าก็ปลูกหญ้าตรอมใจ เป็นคนประเภท ระทม ระกำตรอมใจ แต่พอเปลี่ยนคำนำหน้านามแล้วจะลุก มาแฮปปี้ชนิดที่ว่าเปลี่ยนปุ๊บแฮปปี้ปั๊บ คงไม่ใช่เช่นนั้นความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือเป็นหญิง หรือจะเป็น LGBTQ+ เราสามารถภาคภูมิใจได้” นายอนุสรณ์กล่าว

นายอนุสรณ์ ได้ร้องเพลง “ กะเทยประท้วง”ของ ปอยฝ้าย มาลัยพร กลางสภาว่า  “ฉันภูมิใจพอใจล่ะที่เป็นกะเทย ไผสิเว้าเยาะเย้ย กะส่างเถาะเว้ย กะส่างเถาะเว้ยปากคน “  ดังนั้นสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตคือ เราจะเป็นชายจริงหญิงแท้ LGBTQ+ เราควรจะภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น 

ก้าวไกล ย้ำคำนำหน้านามให้ตรงตามอัตลักษณ์ทางเพศ

ขณะที่ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และอยากให้สมาชิกรับหลักการวาระ 1 ไปก่อน เนื่องจากเป็นหลักการที่เปิดกว้าง เช่นเดียวกับนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่เห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวว่าการเปลี่ยนคำนำหน้านามให้ตรงตามอัตลักษณ์ทางเพศ แม้จะมีผู้แย้งที่ให้เหตุผลเรื่องการถูกหลอก

ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นปัจเจกบุคคล ที่หากเกิดขึ้นจริงก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเหมารวมว่าบุคคลข้ามเพศจะเปลี่ยนคำนำหน้านามเพื่อหลอกลวงผู้อื่นทั้งหมด และหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนคำนำหน้านาม เช่น การปลอมแปลงตัวตนเพื่อก่ออาชญากรรม ก็เป็นประเด็นเรื่องอาชญากรรมที่ต้องจัดการในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง

ท้ายที่สุดแล้วที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. .... ด้วยคะแนนเสียง 257 เสียง เห็นด้วย 154 งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง