svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"โฆษก ก.ยุติธรรม" อธิบายขั้นตอนพักโทษยึดหลักเกณฑ์แบบไหนแล้วต้องผ่านใคร

"โฆษกกระทรวงยุติธรรม" อธิบายขั้นตอนการพักโทษต้องผ่านคณะอนุกรรมการวินิจฉัย แจงใช้หลักเกณฑ์แบบไหนถึงจะได้รับสิทธิ์

13 กุมภาพันธ์ 2567 อีกไม่ถึงสัปดาห์ก็จะได้เห็น "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังเดินทางกลับเข้าประเทศ ก่อนจะถูกนำตัวเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ นานเกินกว่า 120 วัน ก็จะได้รับการพักโทษ ซึ่งทางครอบครัวก็มีการจัดเตรียมสถานที่ คือ "บ้านจันทร์ส่องหล้า" ไว้รองรับ ทว่า เกิดคำถามใครที่จะเป็นผู้พิจารณาในเรื่องดังกล่าวนั้น

โดย "นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ" ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรมฝ่ายการเมือง ได้อธิบายถึงขั้นตอนการพิจารณาพักโทษ ว่า เป็นการพิจารณาของคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ซึ่งจะมีการประชุมกันทุกเดือน 

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวนั้น มีรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน และมีกรรมการรวมทั้งสิ้น 19 คน โดยเป็นผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อธิบดีกรมคุมประพฤติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งช่าติ (สตช.) สำนักงานกิจการยุติธรรม กรมการปกครอง กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น 

สำหรับการพิจารณาพักการโทษนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 

กลุ่มแรก : พักการลงโทษกรณีปกติ

จะมีผู้เข้าเกณฑ์เดือนละประมาณ 700-1,000 คน เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยรายชื่อผู้ได้รับการพักโทษแล้ว จะเสนอรายงานถึงรัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีไม่ต้องพิจารณาอนุมัติ 

กลุ่มที่สอง : พักการลงโทษกรณีพิเศษ แยกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ 

  • อายุ 70 ปีขึ้นไป และมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง 
  • เข้าโครงการฝึกาอาชีพตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด 

โดยนักโทษที่ได้รับการพักโทษกลุ่มนี้ คณะอนุกรรมการจะต้องเสนอรายชื่อให้ รมว.ยุติธรรม ลงนามอนุมัติ โดยในแต่ละเดือนมีจำนวนน้อยกว่าการพักโทษกรณีปกติ แต่ไม่ใช่มีแค่คนเดียว รวมถึงครั้งนี้ก็เช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม การประชุมของคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาพักการลงโทษนั้น จะประชุมกันเดือนละ 1 ครั้ง โดยจะพิจารณา 4 เรื่องด้วยกัน คือ

  1. พักโทษกรณีปกติ
  2. พักโทษกรณีพิเศษ หลักเกณฑ์อายุเกิน 70 ปี และมีอาการป่วยร้ายแรง
  3. พักโทษกรณีพิเศษ เข้าโครงการฝึกอาชีพ
  4. ยกเลิกการพักโทษเนื่องจากกระทำผิดเงื่อนไข 


อนึ่ง มีรายงานว่า ประธานคณะอนุกรรมการชุดนี้ เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรมที่รับผิดชอบกลุ่มงานด้านพัฒนาพฤตินิสัย เป็นรองปลัดหญิง ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อรองปลัดกระทรวงยุติธรรมในปัจจุบัน ซึ่งมี 4 คน มีรองปลัดหญิงเพียงคนเดียว คือ "นางจิรภา สินธุนาวา" 

อย่างไรก็ตาม เว็ปไซด์ของกรมราชทัณฑ์ ได้อธิบการถึงเรื่องการพักโทษไว้ ดังนั้น   

การพักการลงโทษ หมายถึง การปลดปล่อยออกไปก่อนครบกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลภายใต้เงื่อนไข               คุมประพฤติที่กำหนด การพักการลงโทษมิใช่สิทธิของผู้ต้องขัง แต่เป็นประโยชน์ที่ทางราชการให้แก่นักโทษเด็ดขาด ที่มีความประพฤติดี มีความก้าวหน้าทางการศึกษา ทำงานเกิดผลดีแก่เรือนจำหรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ

คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ 

  • เป็นนักโทษเด็ดขาด
  • ชั้นเยี่ยม เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 3
  • ชั้นดีมาก เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 4
  • ชั้นดี เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 5


เมื่ออยู่ในเกณฑ์พักการลงโทษจะต้องทำอย่างไรบ้าง           

ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานเรือนจำได้ประกาศรายชื่อให้ทราบทั่วกันแล้วว่า มีผู้ใดบ้างอยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการพักการลงโทษ นักโทษเด็ดขาดจะต้องปฏิบัติ ดังนี้

  • เตรียมให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่เจ้าพนักงานเรือนจำที่เกี่ยวข้องกับตนเอง พร้อมถิ่นที่อยู่และแจ้งชื่อผู้ที่จะรับเป็นผู้อุปการะ
  • ทำคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาผ่านเรือนจำ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใดหรือเพื่อความสะดวกรวดเร็วแจ้งให้ญาติไปติดต่อขอคัดสำเนาคำพิพากษาจากศาลเพื่อส่งให้เรือนจำโดยตรง
  • แจ้งให้ญาติไปติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอให้รับรองความประพฤติตามเอกสาร (พ.3 หรือ พ.4 พิเศษ) แล้วนำมอบให้เรือนจำ
  • เมื่อเจ้าพนักงานเรือนจำรวบรวมเอกสารครบถ้วนแล้วจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเรือนจำ และส่งเรื่องไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
  • เมื่อกรมราชทัณฑ์อนุมัติแล้ว จะแจ้งให้เรือนจำทราบเพื่อทำการปล่อยตัวต่อไป


การปฏิบัติตนระหว่างการคุมประพฤติอย่างไร

ช่วงระหว่างการคุมประพฤติ จะมีเจ้าพนักงานคุมประพฤติหรืออาสาสมัครคุมประพฤติไปเยี่ยม ที่บ้านของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำ ดูแลช่วยเหลือสงเคราะห์เมื่อมีปัญหา โดยที่ผู้ถูกคุมประพฤติจะต้องประพฤติปฏิบัติตามเงื่อนไข 8 ข้อ ที่กำหนดไว้หากประพฤติผิดเงื่อนไข จะถูกนำตัวกลับมาคุมขังไว้ในเรือนจำตามเดิม และจะถูกลงโทษทางวินัยด้วย

สำหรับเงื่อนไข 8 ข้อ ประกอบด้วย

  1. จะต้องพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ
  2. ห้ามออกนอกเขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย เช่น เล่นการพนัน ดื่มสุรา ยาเสพติด และกระทำผิดอาญาขึ้นอีก
  4. ประกอบอาชีพโดยสุจริต
  5. ปฏิบัติตามลัทธิศาสนา
  6. ห้ามพกพาอาวุธ
  7. ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ
  8. ให้ไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติเรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจทุกเดือน


ถ้าผู้ได้รับการปล่อยตัว ประพฤติตนตามเงื่อนไขด้วยดีตลอด ก็จะได้รับใบบริสุทธิ์และพ้นโทษไปตามคำพิพากษา เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติสืบต่อไป

นักโทษเด็ดขาดที่จะได้รับการพักการลงโทษและลดวันต้องโทษจำคุก จะต้องนำเอกสารมาประกอบการพิจารณาสืบเสาะข้อเท็จจริงก่อนปล่อยตัว ดังนี้

  1. สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อนักโทษเด็ดขาดพักอาศัย
  2. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้อุปการะที่นักโทษเด็ดขาดประสงค์จะไปพักอาศัย
  3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนักโทษเด็ดขาด หรือสำเนาเอกสารหลักฐานอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้
  4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อุปการะหรือสำเนาเอกสารหลักฐานอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้


อย่างไรก็ตาม กรณีนักโทษเด็ดขาดรายใดไม่มีผู้อุปการะและที่อยู่แน่นอน เรือนจำจะดำเนินการประสานงานกับประชาสงเคราะห์จังหวัด องค์กรกุศลของภาครัฐและภาคเอกชน วัด และมูลนิธิต่างๆ ในท้องถิ่น ให้ความช่วยเหลือในด้านที่พัก และการประกอบอาชีพ