
ที่ผ่านมารัฐบาลมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุก 3 เดือนตามวงรอบ แต่ล่าสุดรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน กลับต่ออายุเพียง 1 เดือน หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ย่อมมีผลกระทบตามมาไม่มากก็น้อย
18 กันยายน 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ขยายการบังคับใช้ พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก 1 เดือน และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ที่นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กบฉ. จัดแนวทางการดำเนินงานให้เร็วและรัดกุมยิ่งขึ้น
ผ่านไป 1 สัปดาห์ นายสมศักดิ์ แจ้งความคืบหน้าว่า ทีมงานอยู่ระหว่างลงพื้นที่รับฟังข้อมูลจากหลายฝ่าย ทั้งกองทัพ ตำรวจ ปกครอง ผู้นำศาสนา การเมืองในพื้นที่ จนไปถึงกำนันผู้ใหญ่บ้าน ก่อนนำเสนอ ครม.อีกครั้ง 17 ตุลาคม แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องหาความพอดี และส่วนตัวยังเห็นว่าอันตรายเกินไปหากจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เหลือทั้งหมด เพราะนั่นคือการตัดสินใจแบบผลีผลาม
ผลจากการขยายการใช้กฎหมายพิเศษเพียง 1 เดือน พล.ท. ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อการทำงานของทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ โดยเฉพาะการติดตามคดีความมั่นคง แต่ถ้าจะยกเลิกก็ต้องปรับสภาพการทำงานให้ได้ โดยมีการแจ้งเหตุผลให้รัฐบาลรับทราบในข้อดี-ข้อเสีย ของการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือต่อทีละ 1 เดือน 3 เดือน หรือถ้าคงไว้บางพื้นที่ก่อน จะเป็นอย่างไร จากนี้ก็อยู่ที่รัฐบาลตัดสินใจ
พร้อมระบุอีกว่า ที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคงมีแผนเตรียมการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในบางอำเภอทุกปีอยู่แล้ว ปัจจุบันก็ยกเลิกไปเกือบครึ่งทาง จากทั้งหมด 37 อำเภอ ซึ่งก็มีเหตุกลับมาอีกบ้าง แต่ไม่รุนแรงนัก
อ.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ มองว่า น่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้สอดรับกับที่พรรคการเมืองฝั่งรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ และคงต้องชัดเจนมากขึ้น ว่าพื้นที่ไหนจะกลับไปใช้กฎหมายปกติ พื้นที่ไหนอาจต้องคงกฎหมายพิเศษไว้ก่อน แต่ก็มองว่าตำรวจยังต้องการ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อขยายผลการควบคุมตัว การสืบสวนสอบสวน และในฐานะที่เคยร่วมร่างกฎหมายความมั่นคงมา เห็นว่า ถ้ารัฐต้องการใช้กฎหมายนี้แทนจริงๆ ก็อาจต้องแก้ไขปรับปรุงให้สอดรับกับการปฏิบัติงาน เพราะดูจะใช้งานยากกว่า โดยนำเอาส่วนดีของกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมเข้าไปด้วย
"อาจต้องถึงขั้นแก้กฎหมายพ.ร.บ.ความมั่นคง ให้สะดวกในการใช้มากขึ้น เพราะความซับซ้อนค่อนข้างเยอะกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ต้องแลกราคาในการกระทบกระเทือนสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ดูไม่ดีในสายตาต่างชาติ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ที่ต้องยกระดับกฎหมายความมั่นคงให้ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น"
อ.ปณิธาน ยังบอกด้วยว่า พ.ร.บ.มั่นคง มีอยู่ 2 ส่วนคือ ที่บังคับใช้ปกติ กับอีกส่วนที่ต้องทำแผนเพื่อประกาศพื้นที่ จริงๆ ก็คล้ายกับการทำงานของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เจ้าหน้าที่อาจไม่ได้รับการคุ้มครองเหมือน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั่นเอง
ส่วนฝั่งของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนใต้ ยืนยันว่า ไม่ว่าจะใช้กฎหมายอะไร เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอภิสิทธิ์ หรือสิทธิพิเศษใดๆ เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน ทำผิดก็ถูกฟ้องร้อง แต่ต้องยอมรับว่า ผลสัมฤทธิ์จากการใช้กฎหมายพิเศษนั้นมีอยู่จริง และใช้ได้ผลในการขยายความเชื่อมโยงของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่