svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ

“เรื่องวุ่นๆ” ที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนสังคมนั่งมองปัญหานี้ด้วยความกังวล เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาสังคมไทยมีความรู้สึกคล้ายๆ กันว่า ควรจะต้อง “ปรับปรุง” กิจการตำรวจไทยได้แล้ว

ถ้าถือเอาเส้นเวลาของเหตุการณ์เฉพาะหน้า ปัญหาจาก “กรณีนครปฐม” ที่มีการสังหาร พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว และยังนำไปสู่การปลิดชีพตนเองของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ นั้น เป็นคดีที่ส่งผลสะเทือนในสังคมอย่างมาก

“ศ.กิตติคุณ ดร. สุรชาติ บำรุงสุข” ให้ความเห็นกับ “เนชั่น” ไว้ว่า ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในทางคดีจะเป็นเช่นไรก็ตาม แต่ปัญหาเช่นนี้ทำให้สังคมมีความรู้สึกร่วมกันประการหนึ่ง (และว่าที่จริงมีความรู้สึกร่วมมานาน) ที่อยากเห็น “การปฏิรูปตำรวจ” เกิดขึ้นจริง ๆ เพื่อทำให้ตำรวจเป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์” ดังส่วนหนึ่งของเพลงมาร์ชตำรวจที่กล่าวว่า “เราอยู่ไหน ประชาอุ่นใจทั่วกัน”

ดังนั้น ถ้าการปฏิรูปตำรวจเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต ก็จะต้องไม่ใช่ปฏิรูปตามแนวทางของคณะรัฐประหาร 2557 และกลุ่ม ส.ว. ฝ่ายขวา ที่ชอบโฆษณาในเรื่องการปฏิรูปตำรวจ แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจริงจัง
ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ
แม้จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญที่มีการระบุถึงกิจการตำรวจในกฎหมาย (ถ้ามองในทางรัฐศาสตร์ต้องว่าเป็นเรื่อง “ตลกสุดๆ” ที่ถึงขนาดต้องเอาเรื่องตำรวจใส่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย 55!) พร้อมกับมีการจัดทำกฎหมายตำรวจใหม่ แต่ก็เพื่อให้ผู้นำรัฐประหารเข้ามาควบคุมองค์กรตำรวจได้มากขึ้น โดยใช้อำนาจผ่าน “คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ” (ก. ตร.)

แต่ผลพวงจากปัญหาต่าง ๆ ที่สะสมมาจากบทบาทของตำรวจและทหาร โดยเฉพาะนับจากรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมา ทำให้เสียงเรียกร้องการปฏิรูปตำรวจเกิดคู่ขนานกับการปฏิรูปกองทัพ แม้มิติของการปฏิรูปใน 2 ส่วนนี้อาจจะแตกต่างกัน ตามเงื่อนไขของบทบาท ภารกิจ และพฤติกรรมของบุคคลาการและองค์กร แต่โดยหลักการแล้ว ทิศทางไม่ได้แตกต่างกัน

ถ้าการปฏิรูปกองทัพต้องการสร้าง “ทหารอาชีพ” (professional soldier) เช่นไร การปฏิรูปตำรวจก็ต้องการสร้าง “ตำรวจอาชีพ” (professional police) เช่นนั้น 
ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ
เป้าหมายหลักของการปฏิรูปองค์กรทั้งสองจึงไม่ได้แตกต่างกัน กล่าวคือ สร้างทหารให้มีความเป็นวิชาชีพเช่นไร ก็ต้องสร้างตำรวจให้มีความเป็นวิชาชีพเช่นนั้น 

ถ้าเราไม่ต้องการเห็น “ทหารการเมือง” ฉันใด เราก็ไม่ต้องการเห็น “ตำรวจการเมือง” ฉันนั้น!

ถ้ากองทัพไม่เป็น “ทหารอาชีพ” แล้ว ภารกิจของการป้องกันประเทศมักจะถูกเบี่ยงเบนออกไปสู่การมีบทบาททางการเมือง และเมื่อการป้องกันประเทศไม่ถูกนิยามให้เกิดความชัดเจนแล้ว บทบาททหารก็กลายเป็นเรื่องทางการเมือง และเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของกระบวนการสร้าง “ทหารการเมือง” ในสังคมไทย
ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ
ในทำนองเดียวกัน ถ้าตำรวจไม่เป็น “ตำรวจอาชีพ” หรือกลายเป็น “ตำรวจนอกแถว” แล้ว การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หรือที่ในทางรัฐศาสตร์นั้น บทบาทของตำรวจที่สำคัญที่สุด คือการรักษา “ความปลอดภัยสาธารณะ” (public safety) อันมีนัยถึงความสงบเรียบร้อยทางสังคมนั่นเอง

ภาวะของ “ตำรวจนอกแถว” ทำให้ “ต้นทุนทางสังคม” ของสถาบันตำรวจในสังคมไทยลดต่ำลง จนแทบจะเป็น “องค์กรล้มละลาย” ในเชิงความน่าเชื่อถือของสังคม ทั้งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีตำรวจที่ทำหน้าที่ “พิทักษ์สันติราษฎร์” ให้แก่สังคมอีกเป็นจำนวนมาก

เราคงต้องยอมรับว่า ยังมีตำรวจทั้งสัญญาบัตรและประทวนที่ดีและปฎิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะจริงๆ ฉะนั้น ถ้าจะต้องแก้ปัญหาขององค์กรตำรวจแล้ว การปฏิรูปตำรวจเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในตัวเอง
ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ
ไม่ว่าการปฏิรูปตำรวจจะสามารถเปลี่ยน “วัฒนธรรมองค์กรตำรวจ” สำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อย การเริ่มต้นประกาศการปฏิรูปคือ จุดเริ่มของการสร้างความเปลี่ยนแปลง อันเป็นความหวังในการ “เพิ่มต้นทุนทางสังคม” ให้แก่องค์กรตำรวจ เนื่องจาก องค์กรตำรวจวันนี้ตกอยู่ท่ามกลาง “วิกฤตศรัทธา” ครั้งใหญ่ แฃะกำลังเกิดภาวะ “ขาดทุนทางสังคม” อย่างน่าเป็นห่วง

จนสังคมมองว่าถึงเวลาของการปฏิรูปตำรวจแล้ว และอยากเห็นการปฎิรูปตำรวจเกิดขึ้นจริง ๆ แต่บางส่วนเริ่มมองว่า ปัญหาตำรวจเกินเยียวยา และต้องการ “การปฏิวัติตำรวจ”

การปฏิรูปตำรวจต้องเริ่มด้วยหลักการพื้นฐานว่า ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย และตำรวจก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายด้วย
ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ
การเป็นผู้รักษากฎหมายไม่ใช่ปัจจัยที่อนุญาตให้ตำรวจมีอำนาจเกินกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด หรือมีอำนาจที่จะดำเนินการนอกกรอบทางกฎหมายได้ (ทหารก็ต้องอยู่ภายใต้หลักการนี้เช่นกัน)

ดังนั้น การปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องถูกกำกับด้วย “ประมวลจริยธรรมและธรรมาภิบาลของวิชาชีพ” และประมวลนี้จะเป็นตัวกำหนดนิยามของความเป็น “ตำรวจอาชีพ” เพื่อกำหนดอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ในสังคม รวมถึงกำหนดสิ่งที่ตำรวจไม่ควรกระทำ และไม่อนุญาตให้กระทำ

การปฎิรูปตำรวจจะต้องอยู่ภายใต้ “ทิศทาง” 5 ประการหลัก ดังนี้

  • กิจการตำรวจต้องดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย หลักจริยธรรมและธรรมาภิบาล
  • ตำรวจมีภารกิจหลักในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ
  • กิจการของตำรวจต้องตั้งอยู่บนหลักการความโปร่งใสและตรวจสอบได้
  • การดำเนินการของตำรวจจะต้องเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน
  • กิจการตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างนิติรัฐในกระบวนการสร้างรัฐประชาธิปไตย

ทั้งหมดนี้ดำเนินการเพื่อให้ตำรวจอยู่ภายใต้กฎหมาย และปฎิบัติหน้าที่ภายใต้ข้อบังคับของ “ประมวลจริยธรรมและหลักธรรมาภิบาลตำรวจ” ซึ่งอาจจะดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับองค์กรตำรวจไทย
ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ
แต่การจะทำให้บุคลากรเป็น “ตำรวจอาชีพ” ได้จริงนั้น การสร้างประมวลชุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญประการหนึ่ง

อีกทั้ง การปฏิรูปนี้ต้องกำหนด “เข็มมุ่ง” หลัก 5 ประการ ได้แก่

  • จะต้องสร้างระบบแต่งตั้งโยกย้ายที่เป็นธรรม
  • จะต้องลดทอนการคอร์รัปชั่น การแสวงหาผลประโยชน์นอกระบบ และการเก็บ “ส่วย” ต่างๆ
  • จะต้องจัดระบบสวัสดิการของตำรวจชั้นผู้น้อย
  • จะต้องพัฒนาบุคลากรและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีความทันสมัย รวมถึงการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่
  • จะต้องวางบทบาทและระบบงานตำรวจเพื่อรองรับต่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และปัญหาอาชญากรรมในอนาคต

แน่นอนว่า การปฏิรูปตำรวจไทยภายใต้เงื่อนไขทางการเมืองและวัฒนธรรมองค์กรในแบบปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน เราคงต้องยอมรับความจริงว่า ผลประโยชน์จาก “กลุ่มสีเทา” ทั้งหลายยังมีอิทธิพลอย่างสูงในองค์กรตำรวจ รวมถึงอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง และกลุ่มอำนาจในสังคม ที่มองว่าการปฏิรูปตำรวจคือ ภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของพวกเขา (อาจไม่ได้แตกต่างจากการปฏิรูปกองทัพด้วย)
ปฏิรูป ปฏิวัติ ปฏิสังขรณ์ ! 5 ทิศทาง 5 เข็ม มุ่งกิจการตำรวจ
ฉะนั้น การปฏิรูปทั้งตำรวจและทหารจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทาย รัฐบาลนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เป็นอย่างยิ่ง และโจทย์ตำรวจนั้น ท้าทายต่อตัวนายกรัฐมนตรีเองโดยตรง ในฐานะประธาน ก.ตร. และปัญหานี้เป็นสัมภาระที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของนายกรัฐมนตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย

ผลจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น คนบางส่วนเริ่มรู้สึกว่าสังคมต้องการ “ปฏิวัติตำรวจ” มากกว่า “ปฏิรูปตำรวจ” แล้ว เพราะปัญหาต่าง ๆ รุมเร้าจนการปฏิรูปอาจไม่เพียงพอ แต่ในอีกด้านสังคมก็กังวลในทางกลับกันว่า รัฐบาลอาจดำเนินการในแบบ “ปฏิสังขรณ์ตำรวจ” แทนหรือไม่…

ถ้าปฏิรูปช้าแล้ว ปฏิสังขรณ์อาจช้ากว่ามาก แต่การปฎิวัติกิจการตำรวจไทย ก็อาจเป็นเพียงความฝันที่อยู่ไกล ๆ ถ้าเช่นนั้นแล้ว สังคมไทยจะเลือกแก้ปัญหาตำรวจในแบบใด ปฏิรูป ปฏิวัติ หรือปฏิสังขรณ์?

ป.ล. บทความนี้อยากจะจบด้วยการชวนท่านผู้อ่าน ที่เป็นตำรวจและไม่เป็นตำรวจ ลองเปิดยูทูปฟังเพลง “มาร์ชตำรวจ” เพื่อรำลึกถึงตำรวจอีกหลายท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ “พิทักษ์สันติราษฎร์” ตามเนื้อหาของเพลง