svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ศาลแพ่งพิพากษา ตร. ชดเชยค่าเสียหายสื่อ 2 ราย คดี "ยิงกระสุนยาง"

ศาลแพ่งพิพากษาคดี "ยิงกระสุนยาง" สั่ง ตร. จ่ายค่าเสียหายสื่อ 2 ราย ที่ถูก คฝ. ยิงกระสุนยางใส่จ นได้รับบาดเจ็บ ระหว่างสลายม็อบ 18 ก.ค. 64

26 กันยายน 2566 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 712 ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก องค์คณะผู้พิพากษาของศาลแพ่ง ได้มีการอ่านคำตัดสิน ในคดีหมายเลขดำที่ พ3683/2564  กรณีที่นักข่าวและช่างภาพ จากสื่อมวลชน 2 สำนัก ฟ้องเรียกค่าเสียหาย จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในความผิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

หลังจากถูกตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ยิงกระสุนยางเข้าใส่จนบาดเจ็บ ระหว่างลงพื้นที่ทำข่าวการชุมนุมสาธารณะบริเวณถนนราชดำเนินและแยกนางเลิ้ง เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64 หรือที่เรียกกันว่า “คดีกระสุนยาง” รวมเป็นเงินกว่า 1.4 ล้านบาท   

โดยคดีนี้ นอกจากการฟ้องเรียกให้ ตร ชดใช้ค่าเสียหายแล้ว ยังมีการขอให้ศาล กำหนดมาตรการควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ให้ระมัดระวังการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ร่องรอยกระสุนยาง ที่ยิงใส่สื่อมวลชน

ซึ่งในวันนี้ ศาลมีคำพิพากษา ให้ ตร. ในฐานะจำเลยที่หนึ่ง และต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) ชดใช้ค่าเสียหายให้ช่างภาพสื่อ 2 คนคือ ธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ ผู้สื่อข่าว PLUS SEVEN เป็นจำนวนเงิน 42,000 บาท และ นายชาญณรงค์ เอื้ออุดมโชติ ช่างภาพ The MATTER เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท

โดยศาลพิพากษาว่า ในกรณีของ นายธนาพงศ์ คฝ. ทำการละเมิดจริง เป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น และไม่ได้สัดส่วน เนื่องจากธนาพงศ์ ยืนอยู่ในพื้นที่รวมกับกลุ่มสื่ออื่น ๆ และไม่ได้ท่าทีที่คุกคามเจ้าหน้าที่ การกระทำของเจ้าหน้าที่จึงถือว่าทำโดยปราศจากความระมัดระวัง

ขณะที่กรณีของ นายชาญณรงค์ ซึ่งถูก คฝ.ยิงที่แขนซ้าย บริเวณพื้นที่ใกล้แยกนางเลิ้ง ศาลเห็นว่า เจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางจากจุดที่ไกล เกินกว่าที่จะระบุเป้าหมายเป็นการเฉพาะเจาะจงได้ แต่ศาลก็ยังเห็นว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ เป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวังเช่นกัน ซึ่งการที่ ตร. บอกว่า บาดแผลของ นายชาญณรงค์ เหมือนโดนลูกแก้วนั้น ศาลเชื่อว่าเป็นกระสุนยางจริง
เหตุสลายม็อบบริเวณถนนราชดำเนินและแยกนางเลิ้ง เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64

สำหรับคดีนี้ ศาลแพ่งมี "คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว" ไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 โดยสั่งให้ สตช. “ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของโจทก์และสื่อมวลชน ภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน” อันเป็นคำสั่งที่ทำให้ ผบ.ตร. ช่วงเวลานั้น ต้องสั่งการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สลายการชุมนุมอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของสื่อมวลชน

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เมื่อเกิดเหตุตำรวจ คฝ. เข้าสลายการชุมนุม กลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 บริเวณถนนดินสอ ในวันที่ 18 พ.ย. 65 อย่างรุนแรง จนทำให้สื่อมวลชนอย่างน้อย 4 รายได้รับบาดเจ็บ ศาลแพ่งก็รับคำขอให้เรียกตัวแทน ตร. มาไต่สวนว่าได้ละเมิด "คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว" จากคดีกระสุนยางหรือไม่ แม้สุดท้ายจะไม่ได้เรียกบุคคลมาไต่สวน โดยให้ส่งเอกสารมาชี้แจงแทน

แต่ศาลก็ระบุว่า สื่อมวลชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุสลายการณ์ชุมนุมกรณีสลายการชุมนุมของ กลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 สามารถใช้สิทธิทางแพ่ง หรือทางอาญาแยกเป็นคดีใหม่ต่างหากได้

สำหรับการนัดอ่านคำพิพากษา ‘คดีกระสุนยาง’ ของศาลแพ่งครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังการนัดไต่สวนพยาน ทั้งฝ่ายโจทก์ จำนวน 14 ปาก ระหว่างวันที่ 19 - 21 ก.ค. 66 และฝ่ายจำเลย จำนวน 8 ปาก ระหว่างวันที่ 25 - 26 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา
เหตุสลายม็อบบริเวณถนนราชดำเนินและแยกนางเลิ้ง เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64