
การขึ้นเวทีระดับโลกครั้งแรกของนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะผู้นำประเทศไทย หลังการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา ในวงประชุม SDG Summit ประจำปี 2023 โดยนายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวถ้อยแถลง ประกาศความมุ่งมั่นของไทยในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของทุกกลุ่ม และความร่วมมือเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยยกระดับชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนโดยตรง
สำหรับการประชุมครั้งนี้ไทยถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังเพิ่งได้นายกรัฐมนตรี จากการเลือกตั้งมาแบบหมาดๆ ซึ่งก่อนหน้าเคยถูกมองเป็นประเทศที่มีผู้นำมาจากการทำรัฐประหาร สืบทอดอำนาจ
สะท้อนจากผลการจัดอันดับประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตย ของสื่ออังกฤษ The Economist ในปี 2022 ไทยถูก จัดอยู่ในกลุ่ม "ประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์" ได้อันดับที่ 55 จากทั้งหมด 167 ประเทศทั่วโลก
ภายหลังจากการทำหน้าที่ตลอดทั้งสัปดาห์ของการประชุม นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับผู้นำหลากหลายประเทศ ทั้ง โจไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และยังมีโอกาสได้พบปะหารือกับผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง บ.Microsoft บ.Tesla SpaceX บ.Starlink ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจแทนคนไทย เพราะได้รับแต่เสียงชื่นชม
"ผมมีความภูมิใจ ไม่ใช่ในฐานะนายกฯ แต่เป็นในฐานะคนไทย คนชื่นชมประเทศไทยมาก ในการให้ความสำคัญกับสภาวแวดล้อมของโลก ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องการเงินอย่างเดียว คนไทยเรามีส่วนร่วมทุกคนที่จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ตรงนี้เป็นความภาคภูมิใจ ผมมาในฐานะผู้นำประเทศ ทำหน้าที่เสนอสิ่งดีๆที่มีอยู่ในประเทศไทย" นายเศรษฐา กล่าว
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ มองว่า การประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งนี้ มีความคึกคัก และเปลี่ยนไปตามโครงสร้าง การที่ผู้นำของไทย ถูกเลือกตั้งเข้ามา ถือว่าได้เปรียบรัฐบาลที่อยู่มานาน รวมถึงภาพลักษณ์ สไตล์การทำงานของ นายกฯเศรษฐา ที่สบายๆคล่องตัว แบบนักธุรกิจ ทำให้สามารถฝ่าด่านผู้นำหลายร้อยคนจากหลายประเทศขึ้นมาโดดเด่นได้
ขณะที่ท่าทีของนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ก็ค่อนข้างมีความมั่นใจ ได้รับการตอบรับ ซึ่งนายกรัฐมนตรี และทีมงานก็สบายๆเดินทางแบบง่ายๆ แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องค่าใช้จ่าย และจำนวนทีมงานที่ร่วมคณะ รวมทั้งสื่อสมัยใหม่ที่ไป
รศ.ดร.ปณิธาน ให้คะแนนภาพท่าทีการตอบรับคนไทยในสายตาต่างชาติ ถือว่าได้คะแนนค่อนข้างสูง อยู่ที่ 8-9 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน
"ภาพรวมเป็นที่น่าพอใจในเวทีที่ยากๆแบบนี้ ในเวทีที่มีผู้นำระดับโลกที่เป็นที่รู้จัก ไทยเราก็ถือได้ว่าสามารถชิงพื้นที่ของไทยให้กลับมาได้มากพอสมควร" รศ.ดร.ปณิธาน
ทั้งหมดนี้นับเป็นสัญญาณที่ดีของไทย ในการฟื้นภาพลักษณ์ กอบกู้ความเชื่อมั่น จากสายตานานาประเทศ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ “เศรษฐา” กับการพาไทยเชื่อมกับทั่วโลก