22 สิงหาคม 2566 การประชุมรัฐสภา ที่มี "นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา" ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3
ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ประธานรัฐสภา ได้ชี้แจงสาเหตุการสั่งเลื่อนการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังจาก "นายรังสิมันต์ โรม" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาทบทวนมติรัฐสภา ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ห้ามเสนอชื่อ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้ในสมัยประชุมนี้ เนื่องจากในระหว่างนั้นผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยมติของรัฐสภาไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม จึงกังวลว่า หากรัฐสภาเปิดให้มีการพิจารณา ก็อาจจะส่งผลกระทบ และละเมิดต่อกระบวนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงสั่งเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไป และหากในวันนี้ (22 ส.ค.) นายรังสิมันต์ ยังคงติดใจก็สามารถเสนอใหม่ได้
โดย นายรังสิมันต์ ได้ขอเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อขอให้ที่ประชุมรัฐสภาได้พิจารณาทบทวนมติรัฐสภา ในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา เนื่องจาก มีนักวิชาการด้านกฎหมาย ออกมาแสดงความคิดเห็นว่ามติของรัฐสภาดังกล่าวไม่ถูกต้อง ที่ทำให้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดว่า จะไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ และไม่ควรให้การตีความในลักษณะดังกล่าวกลายเป็นบรรทัดฐานในอนาคต
นายรังสิมันต์ ยังย้ำว่า การเสนอให้รัฐสภาทบทวนมติรัฐสภานั้น ไม่ใช่ความพยายามของตนเองที่จะทำให้ชื่อของนายพิธา กลับมาเสนอซ้ำในรัฐสภาได้ เพราะพรรคก้าวไกล ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเสนอบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิมนั้น ได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว
ขณะที่ ประธานรัฐสภาใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 วินิจฉัย ไม่รับญัตติด่วนด้วยวาจาที่นายรังสิมันต์ เสนอมาเพราะเห็นว่า การใช้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ประกอบรัฐธรรมนูญที่ผ่านมานั้น เป็นไปโดยชอบแล้ว อีกทั้ง ฝ่ายกฎหมาย เห็นว่าไม่ควรให้มีการทบทวนมติดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้การตัดสินใจของฝ่ายนิติบัญญัติไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งรวมถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย และพร้อมเคารพความเห็นชอบนายรังสิมันต์ และความคิดเห็นของสังคมด้วย
ขณะเดียวกัน หลังประธานใช้อำนาจตีตกญัตติดังกล่าว ทำให้ สส.ของพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีคำวินิจฉัยใด ๆ และมีเพียงคำสั่งไม่รับคำร้องเท่านั้น โดย "นายธีรัจชัย พันธุมาศ" สส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นประท้วงถึงการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา ที่ไม่เป็นกลาง และไม่กล้าใช้อำนาจประธานรัฐสภาชี้ขาด และรู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมากของวุฒิสภา และพรรคขั้วรัฐบาลเก่า
ทั้งนี้ ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ เรียกร้องให้นายธีรัจชัย ถอนคำพูดที่กล่าวหาตนเอง รู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมาก พร้อมยืนยันว่า ตนเองก็ไม่ทราบว่า เสียงข้างมากในการลงมติดังกล่าว จะเป็นไปในทิศทางใด และไม่มีใครประท้วงในที่ประชุมว่า ประธานรัฐสภาจะให้เสียงข้างมากลงมติ ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ ให้นายธีรชัยถอนคำพูด มิเช่นนั้น สังคมก็จะเข้าใจตนเองผิดพลาด และขอให้มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน ก่อนที่นายธีรัจชัย จะยอมถอนคำพูด
อย่างไรก็ดี หลังการปะทะคารมณ์กัน ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ กับนายธีรัจชัย เสร็จสิ้น นายรังสิมันต์ ได้ลุกขึ้น ขอถอนญัตติด่วนด้วยว่าจาดังกล่าว เพื่อให้รัฐสภา สามารถเดินหน้าเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
โดย "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อ "นายเศรษฐา ทวีสิน" บุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 พร้อมยืนยันว่า นายเศรษฐา มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ที่ประชุมรัฐสภา พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป