svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"โรม"ย้ำเข้าใจมาตลอดว่าสมรสกับ"เพื่อไทย"แต่สุดท้ายกลายเป็นหย่า

"โรม" รับหนังสือคาร์ม็อบ ย้ำเข้าใจมาตลอดว่าจดทะเบียนกับ "เพื่อไทย" แล้ว สุดท้ายวันนี้กลายเป็นการหย่า ไม่ทราบหลังจากนี้จะมีกิ๊ก-เมียน้อยหรือไม่ ยัน "ก้าวไกล" อยากเห็น 8 พรรคจับมือกัน ขอบคุณ ปชช. ที่มาให้กำลังใจ  

2 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.35 น. "นายรังสิมันต์ โรม" สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ และ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เดินทางลงมารับหนังสือและพบปะผู้ชุมนุมคาร์ม็อบ โดยได้ทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมขอบคุณประชาชนที่มา และชี้แจงว่าวันนี้ (2ส.ค.) มีประชุม สส. และก้าวไกลจะมีการแถลงข่าว

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นโดยมีผู้ชุมนุมรายหนึ่งตะโกนว่า "อย่าไปยอมมัน" ก่อนที่ นายรังสิมันต์ ถามว่า "อย่าไปยอมมันนี่ อย่าไปยอมใคร"

"โรม"ย้ำเข้าใจมาตลอดว่าสมรสกับ"เพื่อไทย"แต่สุดท้ายกลายเป็นหย่า

จากนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวก่อนรับหนังสือ ว่า เรื่องที่ประชาชนมาวันนี้ ก็เพราะอยากให้ 8 พรรคร่วมมีการแพ็กกันแน่น เป็นสิ่งที่ก้าวไกลอยากให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะเป็นจุดยืนของก้าวไกลในการจับมือ 8 พรรค จึงเป็นสิ่งสำคัญ และที่ทุกคนได้เห็นจากข่าว เดี๋ยว "นายชัยธวัช ตุลาธน" เลขาธิการพรรคจะแถลงในมุมของก้าวไกล

"โดยในวันนี้ ผมและ ตัวแทน สส.ของพรรค มารับหนังสือ จากประชาชนที่มาให้กำลังใจ ด้วยความปรารถนาดี ที่อยากเห็นการทำงาน 8 พรรคในการตั้งรัฐบาลประชาชน และต้องยอมรับว่าการตัดสินใจใดๆไม่ได้อยู่เฉพาะที่ก้าวไกล ยังมีตัวแปรอื่นๆ" นายรังสิมันต์ กล่าว 

เมื่อถามว่า เจ้าบ่าวไม่อยู่แล้ว เจ้าสาวจะยังไง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจมาโดยตลอดว่า เราแต่งงานกันแล้ว จดทะเบียนกันแล้ว MOU เปรียบเสมือนการจดทะเบียน แต่วันนี้ ไม่ใช่เจ้าสาวรอเก้อ แต่กำลังจะมีการหย่ากันมากกว่า

"โรม"ย้ำเข้าใจมาตลอดว่าสมรสกับ"เพื่อไทย"แต่สุดท้ายกลายเป็นหย่า

เมื่อถามย้ำว่า เมียน้อยจะเยอะหรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบว่า ไม่ทราบ คงต้องไปถามผู้ที่จะไปมีกิ๊ก หรือจะเรียกว่าภรรยาน้อยอะไรก็แล้วแต่

"วันนี้อยากขอบคุณประชาชน และก็ยืนยันทุกครั้งว่า การมารวมตัวกันของประชาชนเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตย แต่หลักการในสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงออกเป็นเรื่องที่ถูกยอมรับในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และเป็นสาระสำคัญหากจะบอกว่าจะมีระบอบประชาธิปไตย ผู้ชุมนุมก็มีสิทธิในการแสดงออกอยู่แล้วจึงขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจ และความประสงค์ของผู้ชุมนุมคือต้องการเห็น8พรรคทำงานร่วมกัน แต่วันนี้ไม่ใช่การตัดสินใจของพรรคก้าวไกล" โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าว 

เมื่อถามว่า การไปเป็นฝ่านค้านจะโชว์ฝีมือได้อย่างไรนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ใช่การโชว์ฝีมือแต่จะเป็นการทำให้ฝันของประชาชน เป็นจริงมากกว่า และนายชัยธวัช จะให้ความชัดเจนว่าก้าวต่อไปของพรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร

ส่วนความรู้สึกของ สส.พรรคก้าวไกล หลังจากเห็นข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องฉีก MOU และไม่มีพรรคก้าวไหลในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตนขอตอบในนามความรู้สึกส่วนตัว ว่า หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็เห็นสัญญานการปล่อยข่าวมาโดยตลอด และคงรู้อยู่แล้วว่าอาจจะมีจ้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแบบนี้ได้ "แต่ข้อเท็จจริงที่ตนเจ็บปวดที่สุด คงเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนที่เขาฝัน มันน่าเศร้า มันอีกนิดเดียว คุณเคยรู้สึกมั้ยว่ามันอีกนิดเดียวจริงๆ”

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ นายรังสิมันต์ ได้เดินออกไปรับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตัวแทนกลุ่ม ได้ยื่นหนังสือ พร้อมยื่นรายชื่อกว่า 40,000 รายชื่อ ที่ต้องการให้ 8 พรรคร่วมจับมือกันให้แน่นในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมกับ คล้องพวงมาลัยให้กับนายรังสิมันต์ ในฐานะเจ้าสาว 

"โรม"ย้ำเข้าใจมาตลอดว่าสมรสกับ"เพื่อไทย"แต่สุดท้ายกลายเป็นหย่า

จากนั้น นายรังสิมันต์ ระบุว่า วันนี้มารับหนังสือ จุดยืนของผู้ชุมนุม ก็เหมือนจุดยืนเดิมของพรรคก้าวไกล ต้องการให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคจับมือกัน ในแน่นเข้าไว้ แต่ต้องยอมรับว่าการ ความพยายาม จากพรรคก้าวไกลฝ่ายเดียวยังไม่เพียงพอ และเมื่อดูจากเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งเรื่องที่พรรคก้าวไกลยอมถอยตำแหน่งประธานรัฐสภา รวมถึงให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดทั้งมวลพรรคก้าวไกลถอยมาเยอะ เพื่อให้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลสามารถจัดตั้งรัฐบาลประชาชนได้

"แต่เหตุการณ์ในวันนี้ก็ทำให้ทราบแล้วว่าเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ สส. พรรคก้าวไกล กำลังมีการประชุมกัน ว่า เราจะมีจังหวะเดินต่อไปอย่างไร เพราะในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ซึ่งหลังจากนี้นายชัยธวัช จะมีคำตอบให้สื่อมวลชนและประชาชน ว่าทางพรรคจะเดินต่อไปอย่างไร แต่ตอนนี้มีความชัดเจนแล้วว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับ 8 พรรคร่วมฯ ที่เป็นพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย" นายรังสิมันต์ ระบุ 

เมื่อถามว่ามองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดขึ้น และหากจินตนาการว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียงเป็นพรรคเดียว ก็น่าจะจบ แม้อาจจะอาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเสียงไม่ถึง 376 เสียง แต่ตนก็เชื่อว่าถ้าเหนียวแน่น การรอ 10 เดือนก็ไม่มีความหมาย ซึ่งไม่ต้องถึงก็ได้ แต่ตอนนี้ก็ทำให้ประชาชนรู้สึก ว่าจะเกิดการสลายขั้ว 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยทำให้เจอวิกฤตในตอนนี้ ประชาชนและไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่ประชาชนให้มาได้ 

เมื่อถามว่า จะทำให้มวลชนเกิดการรวมตัวกันมากขึ้นหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน