svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

15 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อเสนอแคนดิเดตคนเดิมไม่ได้ เกมล็อกโหวตนายกฯจะเดินหน้าต่อไป ด้วยการ "บังคับวิถี" ให้เสนอแคนดิเดตนายกฯคนใหม่ไปโดยปริยาย เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลที่สมบูรณ์แบบ

หลายคนประเมินว่า ถ้าก้าวไกลถูกหัก “พิธา” ไม่ได้รับการเสนอชื่อรอบ 2 จะทำให้ม็อบลงถนน คนเป็นแสน หรือหลายแสนรวมตัวกดดันทั้งประเทศ

แต่การประเมินนั้นอาจไม่ได้เหนือความคาดหมายของฝ่ายที่กำลังปฏิบัติการ “บังคับวิถี” ฉะนั้นจึงมี “แผน 1” เปิดมาแล้ว แต่อาจจะเป็น “แผนลวง” เพราะสิ่งที่ต้องการจะเดินหน้าจริง ๆ คือ “แผน 2” ซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้วเช่นกัน

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

การเดินตามแผน 2 ที่ว่านี้ จะส่งผลทางจิตวิทยา ทำให้กระแสต้านอาจไม่มากตามที่บางฝ่ายคาดการณ์ เพราะต้องเข้าใจกลไกการเลือกนายกฯ ที่ถูกต้องเสียก่อน ด้วยเหตุนี้...ม็อบอาจจั่วลม

1. การโหวตนายกฯครั้งที่ 2 วันที่ 19 ก.ค. หรือครั้งต่อ ๆ ไป เป็นการโหวตเลือกเฉพาะตัวนายกฯ โดยยังไม่จำเป็นต้องพูดถึงการเปลี่ยนแปลงพรรคร่วมรัฐบาล

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

2. สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ “เปลี่ยนแคนดิเดต” จากคนของก้าวไกล เป็นคนอื่นก่อน ไม่ได้เปลี่ยนพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ฉะนั้นม็อบที่จะมาชุมนุมต่อต้านรุนแรง อาจจะยังไม่เกิด หรือจุดไม่ติด เพราะจะมีคนทักท้วงว่า ถ้าป่วนหนัก อาจไม่เหลืออะไรเลย เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ฝ่ายประชาธิปไตยยังคุมเกมจัดตั้งรัฐบาลอยู่ (รวมเสียงสภาล่างได้มากกว่า)

3. ผู้นำใหม่ที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯแทน “พิธา” คุณสมบัติไม่ได้ด้อยกว่าว่าที่นายกฯพิธา ไม่ว่าจะเป็น อุ๊งอิ๊งค์ หรือ เศรษฐา โดยเฉพาะคนหลัง มีประสบการณ์มากกว่า ผลงานก็เยอะกว่า มีความเป็นผู้ใหญ่กว่า และที่แน่ ๆ คือ ไม่แตะมาตรา 112

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ


วิธีการเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ และเปลี่ยนพรรคร่วมฯ มี 2 วิธี

แผนเดิม ส.ว.โหวตไม่ผ่านแม้เปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯแล้ว แต่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมในรัฐบาล ผลก็คือบีบให้ต้องดึง “พรรคลุง” เข้าร่วมรัฐบาลแทนก้าวไกล

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

โมเดลนี้โจ่งแจ้งเกินไป ไม่เนียน และกระชากอารมณ์ความรู้สึกสังคมที่ไม่เอาลุง ต้องไม่ลืมว่าคะแนนเสียงพรรคก้าวไกลที่ท่วมทัน เอาชนะเพื่อไทยได้ มาจากความชัดเจน “มีเรา ไม่มีลุง”

คนไทยจำนวนไม่น้อย เบื่อลุง จึงเลือกก้าวไกล เพราะต้องการเปลี่ยนรัฐบาลให้ได้จริง ๆ โดยอาจไม่ได้ให้ความสนใจนโยบายที่ก้าวไกลประกาศมากนัก โดยเฉพาะเรื่อง“ม.112”ฉะนั้นการจับมือกับลุง จึงเป็นเรื่องอ่อนไหว หากบุ่มบ่าม หรือไม่มีเชิง ก็จะเกิดกระแสตีกลับได้

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

แผนใหม่ เปลี่ยนเฉพาะแคนดิเดตนายกฯก่อน แล้วอาจให้มีรับประกันกลางสภา หรือตอบให้ชัด ๆ ว่าจะเอาอย่างไรกับมาตรา 112

สมมติมีการเสนอแคนดิเดตของเพื่อไทยให้รัฐสภาโหวตแทน “พิธา” จะมีการเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยรับประกันว่าจะไม่แก้มาตรา 112

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

ถ้าเกมเดินมาถึงจุดนี้ เพื่อไทยยืนยันได้สบาย ๆ เพราะเรื่องนี้ไม่มีในเอ็มโอยู เป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยก็เคลมได้ว่า เป็นพรรคที่กดดันให้เพิ่มข้อความเกริ่นนำก่อนเริ่มข้อ 1 ในเอ็มโอยู

ข้อความนั้นเขียนไว้แบบนี้... “ทุกพรรคเห็นร่วมกันว่า ภารกิจของรัฐบาลที่ทุกพรรคจะผลักดันนั้น ต้องไม่กระทบต่อรูปแบบของรัฐ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นเคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์”

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

ถ้ารับประกันแบบนี้ “ส.ว.” ก็จะเฮโหวตให้ โดยฝ่าย ส.ส.188 เสียง จะงดออกเสียงเอาไว้ก่อน (ป้องกันกระโตกกระตากว่าเตรียมเข้าร่วมรัฐบาล)

งานนี้อาจเป็นแค่การ “เติมเสียง ส.ว.อีก 51 เสียงที่ยังขาดอยู่” อย่าลืมว่า “ส.ว.บ้านใหญ่” ที่เชื่อมกับเพื่อไทย และพรรคการเมืองฝั่ง 188 เสียง มีเยอะ ทำให้แนวโน้มได้เสียง ส.ว.สนับสนุนเพิ่มขึ้น หากเปลี่ยนตัวแคนดิเดตเป็นคนของเพื่อไทย

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

จริง ๆ ทุกอย่างถูกเขียนบทเอาไว้แล้ว เพียงแต่ต้องเดินอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และปรับแผนไปตามสถานการณ์

หากสังเกต...ทำไมทุกอย่างถึงถูกจูงมาที่ มาตรา 112 ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดประเด็นเล่นงานพิธามากมายนัยก็คือ ไม่ใช่ไม่เอาแค่ “พิธา” ไม่เอาก้าวไกลด้วย เพียงแต่วิธีการต้องแยบยล แนบเนียน

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

1. ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคำร้อง “พิธา” และพรรคก้าวไกล ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองฯ กรณีเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112

เรื่องนี้เป็นชนักติดหลังทั้ง “พิธา” และพรรคก้าวไกล อีกทั้งโอกาสถูกสอยจริง ๆ ก็มีสูง เนื่องจากมีบรรทัดฐานการวินิจฉัยเมื่อปี 64 ว่าม็อบเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ 10 ข้อ (ม็อบดันเพดาน 10 ส.ค.63) ซึ่ง 2 ใน 10 ข้อ คือเสนอยกเลิกมาตรา 112 และมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายด้อยค่าสถาบันฯ และล้มล้างการปกครองจริง

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

2. การอภิปรายของ ส.ส. และ ส.ว.ฝ่ายไม่เอาพิธา รวมเวลาหลายชั่วโมง เมื่อ 13 ก.ค. พุ่งเป้าประเด็นเดียว คือ มาตรา 112

3. มีการสร้างสถานการณ์ให้สังคมเห็นว่า การดึงดันแก้ไข-ยกเลิกมาตรา 112 คือเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้พิธาไม่ได้เป็นนายกฯ

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.ภูมิใจไทย และ ส.ว.หลายคน ประกาศกลางสภา ถ้ายอมถอยเรื่อง 112 โหวตให้แน่ แม้แต่ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เจ้าของฉายาจอมแฉ ออกมาสอนมวยให้หัดถอยเสียบ้าง ทำให้สังคมเห็นว่า ถ้าปลดเรื่องนี้เรื่องเดียว ประเทศเดินหน้า ส่งผลทางจิตวิทยาให้ประชาชนและสังคมได้ชั่งน้ำหนัก 

4. หากพรรคเพื่อไทยยอมรับประกันเรื่องนี้ ส.ว.จะลดเพดานทันที ประเทศได้นายกฯ ไม่ต้องมี ส.ส.ฝ่าย 188 มาร่วมโหวต ไม่ต้องกลัวรัฐบาลเสียงข้างน้อย ภาพ ส.ว.ก็จะไม่เกเร แต่ติดใจเรื่องเดียวที่เป็นหลักการ คือ มาตรา 112

5. มีการสร้างสถานการณ์ หรือปัจจัยกดดันให้ต้องเร่งมีรัฐบาล เช่น ครม.รักษาการ ไม่ขยายเวลาอุ้มราคาน้ำมัน ฉะนั้นถ้าได้นายกฯคนใหม่เร็ว มีรัฐบาลชุดใหม่เร็ว ประชาชนก็จะไม่เดือดร้อน

6. สุดท้ายสังคมจะตั้งคำถามกับก้าวไกลเองว่า จะอะไรกันนักหนากับ มาตรา 112 ประเทศพังก็ยอมเหรอ

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

สุดท้ายถ้าก้าวไกลตามใจด้อมส้ม ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ก้าวไกลจะติดภาพพรรคที่มุ่งจะแก้มาตรา 112 ท่าเดียว ยอมทิ้งทุกนโยบายที่ประชาชนอยากให้ทำ เพียงเพื่อจะแก้ 112 ทั้ง ๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เดือดร้อน และคนจำนวนหนึ่งที่เลือกก้าวไกล ไม่ได้เลือกเพื่อให้ไปแก้หรือยกเลิก 112

ภาพของก้าวไกล คือกำลังทิ้งโอกาสปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูประบบการคลังของประเทศ ขึ้นค่าแรง ปฏิรูปการศึกษา ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ฯลฯ เพียงเพราะต้องการแก้ 112 ซึ่งตัวเองก็พูดเองว่าเสนอเข้าสภาไป อาจจะไม่ผ่านก็ได้

7. เมื่อนายกฯใหม่ไม่ใช่ “ลุง” แต่เป็นคนของฝ่ายประชาธิปไตย และมีคุณสมบัติไม่ได้ด้อยกว่าพิธา สปอตไลต์จะฉายจับนายกฯใหม่ และนโยบายกับความหวังใหม่ ๆ ที่นายกฯคนใหม่จะสร้างขึ้น ความสนใจของสังคมก็จะเบี่ยงเบนไป

ก้าวไกลติดกับดักตัวเอง! ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านแคนดิเดตนายกฯ-พรรคร่วมฯ

8. สุดท้ายก้าวไกลเองต่างหากที่ต้องเลือกว่า จะอยู่ร่วมกับ 8 พรรคร่วมฯเดิมต่อไปหรือไม่ เมื่อพรรคที่เหลือประกาศไม่แก้ 112

ถ้าไม่อยู่ ตามใจด้อมส้ม หรือตามใจตัวเอง (แกนนำพรรคตัวเอง) ก็ต้องถอยออกไปเป็นฝ่ายค้าน เมื่อถึงจุดตั้ง การรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล โดยดึงพรรคการเมืองฝ่าย 188 เข้ามาสนับสนุน จึงจะเริ่มปรากฏภาพ

จังหวะนั้น “ลุงคนที่เหลือ” ค่อยสละเรือ หรือไม่ก็สร้างสถานการณ์กบฏในพลังประชารัฐ​ ส.ส.ทำรัฐประหาร ยึดพรรค เข้าร่วมรัฐบาลใหม่ ส่วน “ลุง” ก็ส่งตัวแทน “ป.ที่ 4” เข้าไปนั่งในครม. ถึงวันนั้นความชอบธรรมอาจจะไปอยู่ที่เพื่อไทย ส่วนก้าวไกลจะติดกับดักตัวเองหรือไม่....ต้องรอดู

logoline