
6 มิถุนายน 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานเครือข่ายญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ยื่นคำร้องต่อประธานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ออก พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้พ.ร.บ.อุ้มหายโดยมิชอบ ว่า ตนได้ปรึกษานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นที่เรียบร้อยแล้วและไม่มีปัญหาอะไร มันมีเหตุผลและความจำเป็นต่างๆ
ส่วนในวันนี้(6 มิ.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธรณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง ได้รายงานที่เดินทางไปยังประเทศอังกฤษ แล้วเกิดกระแสเรื่องดีลรับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร ท่านบอกว่าไปดูฟุตบอลเฉยๆ พอดีมีเวลาว่างจากการไปประชุมองค์การอนามัยโลก หรือWHO จึงไปดู
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่มีดีลลับใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีหรอก ไม่มีดีลลับอะไร เขาไม่ลับหรอก คนขนาดนั้นในสนามฟุตบอลไม่ลับหรอก คนเป็นหมื่นไม่รู้จะไปดีลอะไรกันตรงไหน นั่งตรงไหนยังไม่รู้เลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและกล่าวต่อ “การตัดต่อภาพอะไรต่างๆ มากมาย แล้วไปสร้างประเด็นขึ้นมา เช่น ของตนเอาไปดัดแปลงอะไรบ้างก็ไม่รู้ดูแล้วทุเรศเกินไป เดาว่าน่าจะเป็นชุดงาน pride วันนี้เทคโนโลยีดิจิทัลมากมายเหลือเกิน เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อทุกเรื่องก็แล้วกัน”
เมื่อถามต่อ ขณะนี้มีการพูดถึงแนวทางรัฐบาลข้ามขั้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสวนในทันทีไม่รอฟังคำถามให้จบ ว่า ไม่ทราบ ตนไม่ทราบ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ขณะเดียวกันใครจะเป็นรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องกลไกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายที่มีอยู่ ตนไม่เกี่ยว ตนเป็นรัฐบาลรักษาการ ดูแลประชาชนพี่น้องของเรา ขับเคลื่อนงานต่างๆที่ทำได้ เพราะยังมีความเดือดร้อนอยู่หลายมิติด้วยกัน ดูแลประชาชนไปก่อน ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของกระบวนการ
เมื่อถามต่อ ในใจยังหวังจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มี ไม่มีใจ นอกใจ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น” ก่อนจะถามกลับสื่อมวลชนว่า “จะเอาคำตอบให้ได้เลยหรือ” ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่า จะได้รู้ว่านายกฯจะไปต่อหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกลับด้วยเสียงสูงว่า “แล้วมันไปได้หรือ”
เมื่อถามต่อ แล้วหากมีโอกาส พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นโอกาสเลย ถ้าเห็น ๆอะไร มันจะไปได้อย่างไร
เมื่อถามต่ออีกว่า หากพรรคในลำดับที่ 1 และ 2 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเล็กอาจจะรวบรวมเสียงได้เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับหันหน้าไปหานายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะหัวเราะและยักคิ้ว ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า “เฮ้ยอย่าคิดไปถึงขนาดนั้นเลยนะ เออเธอคิดไป เธอมาเป็นรัฐบาลก็แล้วกัน มาคิดแทนฉันหน่อย”
เมื่อถามว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันเป็นไปได้หรือ” และเมื่อถามต่ออีกว่า ยังไว้ใจพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ถ้าจะนำจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากโพเดียม และกล่าวว่า ไม่ทราบ และเมื่อถามตามหลังไปว่า กลัวจะถูกเช็กบินย้อนหลังหรือไม่ หากมีการเปลี่ยนแปลงของขั้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่กลัว ก่อนจะเดินเข้าตึกไทยคู่ฟ้าในทันที