25 พฤษภาคม 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ อาวุธปราบโกงยุคดิจิทัล” ภายในงานเสวนาหัวข้อ ลงทุนไทยไร้สินบน : ปลดล็อกข้อมูลรัฐ จุดเปลี่ยนปราบโกง ณ โรงแรม Movenpick BDMS Wellness Resort Bangkok ถนนวิทยุ กรุงเทพมหานคร
โดยระบุว่า จากสถิติคำกล่าวหาที่ร้องเรียนมายัง สำนักงาน ป.ป.ช. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รอบ 6 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 29 มีนาคม 2566) จำนวน 4,099 เรื่อง
- ร้อยละ 50.30 เป็นคำกล่าวหาประเภทหนังสือร้องเรียน จำนวน 2,062 เรื่อง
- รองลงมาเป็นคำกล่าวหาประเภทหนังสือราชการ จำนวน 931 เรื่อง (ร้อยละ 22.7)
- บัตรสนเท่ห์ จำนวน 832 เรื่อง (ร้อยละ 20.30)
ส่วนคำกล่าวหาอื่น ๆ ที่มีจำนวนรองลงมา คือ ร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ การแจ้งเบาะแสผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การร้องเรียนด้วยตนเองที่สำนักงาน ป.ป.ช. ทั่วประเทศ เรื่องที่มีเหตุอันควรสงสัยที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. หยิบยกขึ้นมาพิจารณา และคำกล่าวหาที่ไม่ปรากฎชื่อและตำแหน่งของผู้ร้อง
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือภาคประชาชนในการร่วมเป็นพลังในการต่อต้านการทุจริต หากพบเห็นเจ้าพนักงานของรัฐกระทำการทุจริต ขอให้แจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนมายังสำนักงาน ป.ป.ช. ผ่าน 6 ช่องทาง ได้แก่
1. เป็นหนังสือร้องเรียน ส่งถึง "เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช." สำนักงาน ป.ป.ช. เลขที่ 361 ถ.นนทบุรี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 หรือ ส่งที่ หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนภูมิภาค
2. ร้องเรียนด้วยตนเอง ต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง หรือสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนภูมิภาค โดยพนักงานเจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกคำกล่าวหาไว้เป็นพยานหลักฐาน
3. แจ้งเบาะแส/ร้องเรียนผ่านเว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th โดยเลือกคลิกที่หัวข้อ "ศูนย์ร้องเรียน" จากนั้นไปที่หัวข้อ "ร้องเรียน Online"
4. ร้องเรียนหรือขอคำแนะนำทางโทรศัพท์ ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 1205 หรือโทรติดต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนภูมิภาค
5. ร้องเรียนผ่านเครือข่ายเฝ้าระวัง www.nacc.go.th/we และช่องทางที่
6. กล่องรับเรื่องร้องเรียน ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด
นายนิวัติไชย ย้ำว่า ประชาชนทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้ โดยร่วมกัน จับตา สอดส่อง ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดแนวร่วมต้านทุจริตคอร์รัปชันในภาคประชาชนอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยสำนักงาน ป.ป.ช. จะตรวจสอบ เรื่องกล่าวหาร้องเรียนการทุจริตต่าง ๆ และดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ให้ตกไปเป็นของบุคคลใดโดยมิชอบ
สำหรับเวทีการเสวนา หัวข้อ “ปลดล็อกข้อมูลรัฐ จุดเปลี่ยนปราบโกง” มีผู้เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค กรรมการมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล, นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และรศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการใช้ “ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ” เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การผลักดันการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ยกระดับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบให้เกิดความโปร่งใส ไร้คอร์รัปชัน สร้างความเชื่อมั่นให้เศรษฐกิจและการลงทุนของไทย