
สำหรับการเลือกตั้งปากน้ำโพหรือ “นครรสวรรค์” เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ด ปากน้ำโพ การเมืองสนามนี้เด็ดไม่แพ้คำขวัญประจำจังหวัด
เพราะปรากฏการณ์ทางการเมืองที่นี่ ไม่มีพรรคใดผูกขาด “การเมืองปากน้ำโพ” เรียกว่าเป็นสนามปราบเซียนก็ว่าได้ เพราะหากเปรียบตระกูลการเมือง ผลัดกันแพ้-ชนะมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
และยังเผ็ดร้อนกว่าที่อื่น เห็นได้จากการลอบสังหาร “นายอำนาจ ศิริชัย” อดีตนายก อบจ.จนป่านี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ เซียนการเมืองลองหลับตานึกภาพดูแล้วกันว่า “ปากน้ำโพ” ร้อนขนาดไหน
หันมาดูสนามเลือกตั้งอันใกล้นี้ 14 พฤษภาคม 2566 โฉมหน้าการเมืองปากน้ำโพจะเปลี่ยนหรือไม่ เป็นคำถามที่รอคอยคำตอบที่พอจะคาดเดาได้ เพราะหากเราเจาะดูในแต่ละเขตเลือกตั้งทั้ง 6 เขต มี ส.ส.ได้ 6 คน พอจะเดาได้ไม่อยากเย็นนัก
นครสวรรค์ เขต 1
เขตเลือกตั้งที่ 1 “นายภิญโญ นิโรจน์” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แชมป์เก่า ประกาศเว้นวรรคส่งลูกสาว “น.ส.ภัทราวดี นิโรจน์” หรือ “บาส” ลงสมัครในนาม “พรรคภูมิใจไทย” ชนกับ “นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากรณ์” อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ , นายกวี อัศวรักษ์ อดีต สจ.เขตอำเภอเมือง พรรคไทยรักไทย , “นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ” พลังประชารัฐ เพื่อนของ “นายวราเทพ รัตนากร” หวังเข้าป้ายให้ได้เช่นกัน
เขตนี้ผลแพ้ชนะขึ้นจึงขึ้นอยู่กับ กกต. นครสวรรค์ ที่แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด เอื้อให้พลพรรคภูมิใจไทยมากที่สุด เพราะได้กระจายฐานคะแนน ตำบลหนองกรด ตำบลหนองกระโดน ซึ่งเป็นฐานเดิมของประชาธิปัตย์ ไปเพิ่มพื้นที่ตำบลพระนอน ตำบลเกรียงไกร ตำบลกลางแดด ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของ “นายภิญโญ นิโรจน์”
แต่เชื่อว่าเขตนี้ “นายสงกรานต์” จากประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส. จะกลับมาทวงคืนเก้าอี้ได้อีกครั้ง โดยมี “นางสาวภัทราวดี” จากภูมิใจไทย ตามมาติดๆ เขต 1 “นายสงกรานต์” พรรคประชาธิปัตย์ นำ
นครสวรรค์ เขต 2
เป็นการต่อสู้ระหว่างแชมป์เก่าเก๋าเกมอย่าง “นายวีระกร คำประกอบ” หนี “ลุงป้อม” ซบ “เสี่ยหนู” อยู่พรรคภูมิใจไทย ประกาศชนช้างกับคนเสื้อแดงอย่าง “นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย” หรือ “แป๊ะยิ้ม” จากค่ายวังน้ำยม ที่เผ่นหนีจากพรรคภูมิใจไทยมาซบพรรคเพื่อไทย หวังกระแสพรรคส่งเข้าสภาหินอ่อนให้ได้สักครั้ง ช่วงนี้กระแสพรรคเสื้อแดงไม่ตก แต่กว่าจะผ่านกระดูกขัดมันอย่าง “ส.ส.วีระกร” ไม่ง่าย
พื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 2 ปากน้ำโพถือเป็นเขตปราบเซียน ผู้กำหนดผลแพ้ชนะอยู่ที่กระแส กระสุน “นายวีระกร” และ “นายทรงศักดิ์” มีฐานเสียงพื้นที่เดียวกันคือ อำเภอพยุหะคีรี จึงต้องอาศัยบทบาททหารในค่ายจิรประวัติ เป็นผู้ตัดสินแพ้-ชนะ
พรรคพลังประชารัฐจึงส่ง “นายนัยศาลิน ถนอมมิตรวัฒนา” อดีต สจ.เขตอำเภอโกรกพระ เจ้าของโรงสีข้าวใหญ่ลงสมัคร หวังฐานเสียงในอำเภอโกรกพระที่เหนี่ยวแน่น บวกกับเสียงในค่ายทหาร ขอเป็นตาอยู่ เป็น ส.ส.ในเขตนี้ ภาษาเซียนบอกได้เลยว่า เขตนี้ต้องตัดสินกันช่วงทดเวลาเจ็บ หรือดวลจุดโทษ
เขตนี้ สิงห์เฒ่า “นายวีระกร” จากภูมิใจไทย อาศัยความเก๋าชิงคะแนนนำไปก่อน
นครสวรรค์ เขต 3
อำเภอเก้าเลี้ยว อำเภอบรรพตพิสัย และอำเภอชุมแสงบางส่วน เขตนี้ต้องยกให้ “นายสัญญา นิลสุพรรณ” เด็กสร้าง “เสธ.หิมาลัย” ส.ส.เก่า พรรคพลังประชารัฐ เพิ่งประกาศย้ายค่ายเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ “ลุงตู่” ลงรักษาเก้าอี้
แต่ด้วยกระแสไม่ชอบลุง และต้องเจองานหนัก เพราะต้องชนกับคู่แข่งอย่าง “นายสัญชัย วงศ์สุนทร” พรรคเพื่อไทย , “นางสาวสุพัสสร คล้ายแจ้ง” หรือ “สจ.เปิ้ล” พรรคพลังประชารัฐ , “นายนิรุต เรื่องงาม” พรรคก้าวไกล ต่างฝ่ายต่างเตรียมพร้อมเดินหน้าหาเสียงกันเต็มที่ เชื่อว่าเขตนี้เด็กลุงตู่ ลุงป้อม น่าจะตัดเชือกกันเอง เพราะต่างฝ่ายต่างมีดีคนละแบบ ต้องดูกันยาวๆ
“นายสัญญา นิลสุพรณ” แม้ว่าจะย้ายค่ายจาก “ลุงป้อม” มาซบ “ลุงตู่” กระแสไม่เอาลุงกระหึ่ม แต่ไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะเครือข่าย สจ. ในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ยังยึดตัวบุคคลมากกว่าพรรค เพราะว่าที่ผ่านมาได้สร้างเครือข่ายไว้แน่นหนาแจกกระสุนต่อเนื่องยาวนานไม่มีแผ่ว ส่วนคู่แข่งหน้าใหม่ค่ายลุงป้อม “สจ.เปิ้ล” ถึงจะหน้าใหม่ทางการเมือง แต่ว่ามีความสดมาก ใครก็ประมาทไม่ได้
จากฐานเสียงในอำเภอชุมแสงเหนียวแน่น การเลือกตั้ง สจ. ที่ผ่านมา "สจ.เปิ้ล" ชนะคู่แข่งขาดลอยแถมได้แรงหนุนจาก “ลุงป้อม” ส่งทีมงานฉลามดำลงคุมพื้นที่ชนทีมงาน “เสธ.หิมาลัย” แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน โค้งสุดท้ายเกมอาจพลิกได้
เขต 3 ยกแรกเป็นของ “นายสัญญา” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มาแรงกว่า และออกตัวนำ “สจ.เปิ้ล” จากพลังประชารัฐ อยู่เล็กน้อย
นครสวรรค์ เขต 4
อำเภอท่าตะโก อำเภอไพสาลี และอำเภอหนองบัว เขตอิทธิพลเดิมของ “นายมานพ ศรีผึ้ง” พรรคภูมิใจไทย เด็กในคาถาของ “นายชาดา ไทยเศรษฐ” และนายก อบจ.นครสวรรค์ ยากที่คู่แข่งทางการเมืองจะเจาะได้
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ส.ส.ใจถึง พึ่งได้ อย่าง “นายมานพ” ลงพื้นที่ จัดงบประมาณสร้างถนนสายหลัก สายรองจนชาวบ้านปรบมือรัวๆ ให้ หากไม่สะดุดขาตัวเองจากคดีความที่รุมเร้า ก็น่าจะเข้าสภาได้อย่างไม่เหนื่อยนัก
อย่างไรก็ตามสภาหินอ่อนใครเดินเข้าออกง่ายๆ คงไม่มี เพราะว่า “นายมานพ” ต้องชนกับ “พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ” พรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.หลายสมัย แถมยังมีแต้มต่อจากกระแสพรรคที่กระแสแรงในเวลานี้ และยังต้องผ่านด่านหินกระดูกชิ้นโตอย่าง “นางจิตตา หมีทอง” พรรคพลังประชารัฐ หรือ “สจ.แป๊ว” อดีตประธานสภา อบจ.นครสวรรค์ ฐานเสียงในอำเภอท่าตะโกเหนียวแน่น
แถมแว่วๆ มาว่าได้แรงหนุนจากทีมงานฉลามดำ ขอล้มแชมป์ให้ได้เช่นกัน เขตเลือกตั้งนี้จึงถือเป็นเขตแห่งศักดิ์ศรี วัดบารมีระหว่างคนบ้านใหญ่แห่งเมืองอุทัยธานี กับเครือข่าย “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” อย่างแท้จริง ใครแพ้ก็ต้องต้องเอาปี๊บคลุมหัวกลับบ้านไป
โค้งแรกต้องยกให้ “นายมานพ” จากภูมิใจไทย นำห่าง โดยมี “พ.ต.ท.นุกูล” ตามมาเรื่อยๆ แบบใครแผ่ว คนนั้นสอบตก
นครสวรรค์ เขต 5
อำเภอตากฟ้า อำเภอตาคลี ถือว่าเป็นอิทธิพลของพรรคเพื่อไทยมายาวนาน เนื่องจากเจ้าของพื้นที่เดิมอย่าง “นายทายาท เกียรติชูศักดิ์” ประกาศเว้นวรรคด้วยปัญหาสุขภาพ จึงของส่งไม้ต่อให้ลูกชายเจ้านาย “วรภัทร ตั้งภากรณ์” ลูกชาย “พ.ต.ท.บรรยิน” ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยแทน
ด้วยอาศัยฐานเสียงเดิม กระแสพรรคที่ยังแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ หวังรักษาฐานที่มั่นสุดท้ายของพรรคเสื้อแดงไว้ให้ได้ เขตเลือกตั้งนี้บอกได้เลยว่ามีโอกาสเห็น ส.ส.หน้าใหม่เข้าสภา เพราะทุกพรรคต่างมีจุดเด่น จุดด้อยพอกัน
“นายสันติ พร้อมพัฒน์” พรรคพลังประชารัฐ ประกาศส่ง “นายพรวิพิสิษฐ์ แจ่มใส” ลูกชาย “นายวิจิตร แจ่มใส” อดีต ส.ส.นครสวรรค์ท้าชิง ส่วนพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู - อนุทิน ชาญวีรกูล” ประกาศส่ง “นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์” ลูกชาย “ธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์” อดีต รมช.สาธารณสุข ลงสมัครหวังล้มลูกชาย “พ.ต.ท.บรรยิน” ให้ได้
ทำให้อุณหภูมิการเมืองเขตนี้ร้อนปรอทแตก ต่างงัดกลยุทธวิชาเทพวิชามารออกมาสู้กันดุเดือด ส่วนใครจะเข้าป้ายได้เป็น ส.ส.หน้าใหม่สมใจ ปัจจัยชี้ขาดนอกจากทุนแล้ว ต้องมีแรงหนุนจากอำนาจรัฐด้วย
อย่างไรก็ตาม การประเมินช่วงแรก “นายวรภัทร” จากเพื่อไทย ยังขี่กระแสพรรค และควบฐานคะแนนพ่อ นำห่างออกไปก่อน
นครสวรรค์ เขต 6
อำเภอลาดยาว อำเภอแม่วงก์ อำเภอชุมแม่เปิน บอกได้คำเดียวว่าเขตนี้ สูสีมีลุ้นทุกพรรค เพราะ “เสี่ยใช้ - นายนิโรจน์ สุนทรเลขา” ส.ส.เก่าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศย้ายค่ายนาทีสุดท้ายตาม “ลุงตู่” เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้ “ลุงป้อม - ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ควันออกหู ประกาศล้มแชมป์เก่าให้ได้ พรรคพลังประชารัฐ ประกาศส่ง “นายธนรัตน์ วิเชียรรัตน์” ลูกคนลาดยาวโดยแท้ ลงชิงชัย
ส่วนพรรคเพื่อไทยประกาศส่ง “นางสาวชุติมา เสรีรัฐ” อดีต สจ.หลายสมัย หัวคะแนน “นายนิโรจน์ สุนทรเลขา” ลงหวังคว้าเก้าอี้ให้ได้เช่นกัน
ขณะที่ค่ายพรรคภูมิใจไทย “ส.ส.ชาดา ไทยเศรษฐ” รองหัวหน้าพรรค ประกาศส่ง “นายอภิสิทธิ์ อินทรสิทธิ์” อดีต สจ.หลายสมัย ลงชิงชัย หวังขยายอิทธิพลลุ่มน้ำสะแกกรัง มาสู่ลุ่มเจ้าพระยา เขตเลือกตั้งนี้จึงกลายเป็นเขตที่ผู้ชนะคือผู้ที่มีกระสุนมากที่สุด โดยคอการเมืองยังให้ “นายนิโรจน์” จากรวมไทยสร้างชาติ ออกตัวนำ
สำหรับการเมืองปากน้ำโพในการเลือกตั้งที่ผ่านมา “พรรคพลังประชารัฐ” สามารถคว้าเก้าอี้ได้ 4 เขต พรรคภูมิใจไทย 1 เขต และพรรคเพื่อไทย 1 เขต จากจำนวน ส.ส. 6 เขตเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ปัจจัยทางการเมืองเปลี่ยนไปมาก กระแสทางการเมืองเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้สมัครแต่ละคนต่างย้ายพรรคเอาตัวรอด
ทำให้บริบททางการเมืองของเมืองสี่แควเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของแต่พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จะสูญพันธ์หรือไม่ ? พลังประชารัฐ จะรักษา 4 เก้าอี้ไว้ได้หรือไม่ ? ภูมิใจไทย จะเพิ่มจำนวน สส.ได้หรือไม่ ? คงเป็นหน้าที่ของชาวนครสวรรค์จะเป็นผู้ให้คำตอบสุดท้าย ในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้