26 เมษายน 2566 พรรคชาติไทยพัฒนา พบสื่อเครือเนชั่น นำโดย นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ,นายอุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา รองเลขาธิการพรรค โดยมี นายวีระศักดิ์ พงษ์อักษร (บก.วี) กล่าวต้อนรับว่า
โค้งสุดท้ายการเลือกตั้งเป็นโค้งที่อันตรายที่สุด ใครเข้าโค้งได้ก็ปลอดภัย ใครเข้าโค้งไม่ได้ก็หลุดลงหน้าผา เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดทางการเมือง ถือว่าเป็นโอกาสของทุกพรรคในการหาเสียง เพื่อนำเสนอนโยบายให้กับประชาชนได้รับทราบ เพราะเรามีความตั้งใจที่อยากให้ผู้สมัครแต่ละคน ได้เข้าไปเป็นผู้แทนในสภาราษฎรให้ได้มากที่สุด จึงขอให้ทุกคนโชคดีกับเส้นทางที่เลือกและมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน โดยเฉพาะในกทม.
เมื่อถาม ถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายสันติ กล่าวว่า ไม่มั่นใจคงไม่มาสู้ ครั้งที่แล้ว 350 เขตส่งครบ แต่เมื่อประเมินแล้วว่า การส่งผู้สมัครครบแต่ไม่ได้ประเมินจริงๆว่า ผู้สมัครแต่ละคนได้ทำงานในพื้นที่มากน้อยแค่ไหน ปัจจัยสำคัญจึงไม่ใช่จำนวนแต่คือเรื่องคุณภาพ ดังนั้นครั้งนี้เราส่งทั้งหมด 50 เขต ในกทม.เราส่ง 15 เขต ซึ่งทั้ง 15 คนเป็นผู้สมัครที่มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่การศึกษาและโปรไฟล์ แต่ผู้สมัครทุกคนอยู่กับพื้นที่ เข้าใจพื้นที่และเป็นผู้สมัครที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่
ในส่วนของนโยบายพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่เคยคิดอะไรสั้นๆ การพัฒนาจะมองในระยะสั้น กลางและยาว ต่างจากนโยบายของพรรคการเมืองทั่วไป ที่เป็นการเรียกร้องความสนใจจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยการให้อะไรก็ตามที่จะต้องเป็นปัจจุบันทันด่วน หรือที่เรียกว่าประชานิยม การลด แลก แจก แถม ที่ไม่มีพื้นฐานชัดเจน
แต่ถ้าจัดงบประมาณแบบใหม่ไม่ต้องกู้เพิ่ม ไม่เอางบมาใช้ในระยะสั้นอย่างเดียว เปลี่ยนมาใช้เป็นระยะยาว และนำเงินส่วนต่างไปใช้หนี้ คืนความแข็งแรงให้ประเทศมากขึ้น เพราะฉะนั้นนโยบายพรรคชาติไทยพัฒนา แก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา ส่งความแข็งแรงให้กับฐานรากทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นจะต้องทำประชานิยมลด แลก แจก แถม กระตุ้นแรงๆ นักวิชาการหลายคนออกมาพูดว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นเวลาซ่อมเศรษฐกิจ
ส่วนวิธีสื่อสารกับประชาชนนั้น นายอุดมศักดิ์ กล่าวว่า เราจะแก้ปัญหาในวันนี้และในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าแก้ปัญหาวันนี้ไปสร้างปัญหาในอนาคต เพิ่มภาระให้ลูกหลาน นโยบายหนึ่งที่เสนอคือ นโยบายเชิงรุกสุขภาพดีรับ 3,000 บาท คือประชาชนหากไม่มีประวัติเข้ารักษาพยาบาลเลย จะได้รับ 3,000 บาท
ขณะที่ นายสันติ กล่าวเสริมว่า เราพยายามสื่อสารแล้ว ได้ผลแค่ไหนก็ต้องยอมรับ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่ ซึ่งผู้สมัครมีหน้าที่ลงพื้นที่บอกกับประชาชน กระแสที่มีตอนนี้เหมือนฝุ่น วันนี้ที่จะมีกระแสขึ้นมาได้คือ ผู้สมัครเข้าใจพูดคุยกับชาวบ้าน จากนี้ไปก็ต้องอัดแคมเปญ เพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจถึงแนวคิด
ด้านนายอุดมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เราเดินมาไกลกว่า 60-70% แล้ว เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งนายกฯของประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นการเลือกตั้งของนายกฯประเทศไทย ที่เดินสู่เวทีโลกได้อย่างสง่างาม ซึ่งนี่เป็นจุดขายของพรรคชาติไทยพัฒนา ในวันที่ 14 พฤษภาคม อย่านอนหลับทับสิทธิ์ เลือกคนที่รักเลือกพรรคที่ชอบ แต่โปรดอย่าลืมพรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 18