
เมื่อมาย้อนดูเส้นทางของเหล่าคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 คน แบบไล่เรียงตามลำดับ
1. เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2561 สามารถเปิดดูได้ผ่านเว็บไซต์ https://www.ect.go.th/ect_th/news_page.php?nid=866
2. ผ่านการเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศและท้องถิ่น รวมถึงท้องถิ่นพิเศษมาแล้ว 5 ครั้ง
-เลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2562 (24 มี.ค.62 เลือกตั้ง ส.ส.)
-เลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ. (20 ธ.ค.2563)
-เลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล (28 มี.ค.2564)
-เลือกตั้งนายก อบต. และสมาชิกสภา อบต. (28 พ.ย.2564)
-เลือกตั้งนายกเมืองพัทยา (22 พ.ค.2565)
-เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. (22 พ.ค.2565)
ทว่า คำถามคือ กกต.ชุดนี้ ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเลือกตั้งอีกหรือ ทำไมยังต้องไปดูงานต่างประเทศอีก
3. กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ต้องไปดูงานเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งบัตรเลือกตั้งจากการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร จึงต้องเดินทางไปหลายประเทศ หลายทวีป
แต่ปัญหาการส่งบัตรเลือกตั้งกลับมาไม่ทัน จน กกต.มีมติไม่นับคะแนน ในการเลือกตั้งปี 62 เกิดมาแล้ว เมื่อ 4 ปีก่อน เหตุใดจึงไม่ไปศึกษาดูงานเพื่อปิดจุดอ่อนก่อนหน้านี้ แล้วเหตุใดจึงต้องเลือกไปช่วงใกล้เลือกตั้ง
4. กกต.ชุดปัจจุบัน 7 คน น่าจะไม่เคยแถลงข่าวร่วมกันเลย
-การแถลงข่าวเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ว่าการเลือกตั้งบริสุทธิ์ โปร่งใส เที่ยงธรรม
-การแถลงข่าว เปิดหน้าเปิดตา กกต. จะทำให้สื่อมวลชนซักถาม และ กกต.ชี้แจงข้อข้องใจของสังคมได้ ทำให้สังคมเชื่อมั่น กกต.มากขึ้น
-การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ก็ไม่มีการแถลงข่าว ทั้งๆ ที่ปัญหา "บัตรเขย่ง"
-สุดท้ายออกเป็นเอกสารแถลงข่าว สื่อถามไม่ได้ หรือถึงจะถาม ก็ถามได้แค่ เลขาธิการ กกต. ซึ่งก็ตอบไม่ได้ทุกคำถาม
5. กกต.ชุดปัจจุบัน เข้าข่าย "โลกลืม" หรือไม่
-มีใครจำชื่อและหน้า กกต. ทั้ง 5 คนได้ทั้งหมด
-ย้อนกลับไป กกต.ชุดแรก ชุด 2 และชุด 3 หลายคนยังจำชื่อ จำหน้า กกต.ได้ เช่น "ยุวรัตน์ กมลเวช" "สดศรี สัตยธรรม" และ "คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร"
-กกต.ในอดีตจะมีการแถลงข่าวยืนยันความพร้อมของการเลือกตั้ง และตอบคำถามต่างๆ แต่ชุดปัจจุบัน (ไม่มี)
6. กกต.ชุดปัจจุบันไม่มีการแบ่งงานรับผิดชอบในแต่ละเรื่อง ตามหน้างานหลักของ กกต.
-กกต.ในอดีต จะมีหน้างานของแต่ละคน เช่น กำกับดูแลงานพรรคการเมือง, กำกับดูแลงานจัดการเลือกตั้ง เป็นต้น
-กกต.ชุดปัจจุบัน เท่าที่ "ข่าวข้นคนข่าว" เคยสัมภาษณ์พิเศษ กกต.บางท่าน ได้รับการยืนยันว่าไม่มีการแบ่งงาน แต่ช่วยกันบริหาร และประชุมมอบหมายกันเป็นเรื่องๆ ครั้งๆ โดยใช้กลไกข้าราชการประจำในการขับเคลื่อนงานแต่ละด้านแทน
7. กกต. คือ นวัตกรรมการเมืองไทย ผลพวงจากรัฐธรรมนูญปี 2540
-ประเทศไทยก่อนปี 2540 อำนาจหน้าที่จัดการเลือกตั้งเป็นของกระทรวงมหาดไทย
-สาเหตุที่กระทรวงมหาดไทยต้องรับผิดชอบจัดการเลือกตั้ง ก็เพราะมีแขนขากระจายถึงท้องถิ่น คือ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นกำลังหลักในการจัดการเลือกตั้ง
-กระทรวงมหาดไทยถูกมองว่า ควบคุมโดยฝ่ายการเมืองพรรครัฐบาล หลายครั้งจึงวางตัวไม่เป็นกลาง เอื้อประโยชน์ผู้มีอำนาจ
-ระบบการตรวจสอบทุจริตเลือกตั้งล้มเหลว แม้แต่กรณี "ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ" คือ การตรวจสอบแบงก์ร้อย กับแบงก์ยี่สิบ แม็กติดกับบัตรแนะนำตัวผู้สมัครรายหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสาน ยังเอาผิดไม่ได้ ทำให้ประชาชนหมดศรัทธา
-รัฐธรรมนูญปี 2540 จึงออกแบบให้มี "องค์กรอิสระ" ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง เหมือนในต่างประเทศ
-โมเดล กกต.ออกแบบไว้ไม่ให้มีลักษณะเป็น "หน่วยงานของข้าราชการประจำ" แต่มีเฉพาะระดับบริหาร แล้วให้คณะผู้บริหารนี้ บริหารจัดการเลือกตั้ง โดยใช้กลไกข้าราชการเจ้าหน้าที่ แต่คณะบริหาร คือ กกต. สามารถลงโทษ ให้คุณให้โทษได้แบบเด็ดขาด มีอำนาจเต็มทุกอย่างในช่วงจัดการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ยกตัวอย่าง กกต.ของอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศใหญ่กว่าไทย และมีประชากรกว่า 1,000 ล้านคน มี กกต.แค่ 3 คน ประกอบด้วย ประธาน 1 คน และกรรมการการเลือกตั้ง อีก 2 คน วาระ 6 ปี หรืออายุครบ 65 ปีต้องพ้นตำแหน่ง
สำหรับประเทศอินเดีย
-มีขนาดพื้นที่ 3,287,590 ตารางกิโลเมตร
-ใหญ่เป็นอันดบ 7 ของโลก และมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย 6.4 เท่า
-มีจำนวนประชากร 1.3 พันล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก มากกว่าประเทศไทย 19 เท่า
-มีจำนวนหน่วยเลือกตั้งประมาณ 930,000 หน่วย มากกว่าประเทศไทย 9.8 เท่า
-มีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 814 ล้านคน มากกว่าไทย 18.2 เท่า
ทว่า เป็นกรณีน่าศึกษา เพราะมี กกต.แค่ 3 คน แต่ยังสามารถบริหารจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนจำนวนประชากร
ส่วนไทย รัฐธรรมนูญปี 40 กำหนดให้ กกต.มี 5 คน และเพิ่มเป็น 7 คนในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่การทำงานดูเหมือนจะถอยหลังลง และถูกวิจารณ์มากกว่าเดิมหรือไม่ แถมจำนวนกรรมการเยอะขึ้น แต่คนกลับรู้จักน้อยลง
8.หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของ กกต. คือ หานวัตกรรมการเลือกตั้งใหม่ๆ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึง ทั่วถึง และเป็นธรรม ป้องกันการทุจริต ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรวจสอบ และอำนวยการเลือกตั้ง
แต่ที่ผ่านมาภารกิจด้านนี้ของ กกต.ไทย ดูจะไม่ค่อยคืบหน้า เช่น การเลือกตั้งหนนี้ จะไม่มีการรายงานผลแบบเรียลไทม์ การลงคะแนนทางไปรษณีย์ หรือใช้อิเล็กทรอนิกส์ช่วยสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น คนพิการ ก็ยังไม่มีการดำเนินการอย่างขัดเจน
สำหรับรูปแบบการลงคะแนนมีเพียงแบบเดียว คือ ต้องไปถึงหน่วยเลือกตั้ง แล้วใช้ปากกาทำเครื่องหมายกากบาทที่บัตรเลือกตั้งเท่านั้น ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อย "เข้าไม่ถึง" การเลือกตั้งรูปแบบนี้ เมื่อไปถึงหน่วยเลือกตั้ง ทำเครื่องหมายกากบาทผิดรูปแบบที่กำหนด โดยใช้ปากกาแบบอื่น ก็กลายเป็นบัตรเสีย ทั้งๆ ที่ประชาชนได้แสดงเจตจำนงในการออกเสียงของตนแล้ว ฯลฯ
ผิดกับที่อินเดีย มีการพัฒนามากหมายหลายเรื่อง เช่น ให้ทะเบียนรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีรูปถ่ายประกอบทั้งประเทศ เพื่อป้องกันการทุจริต ปลอมแปลงตัวบุคคลที่มาลงคะแนนเสียง ทั้งๆ ที่อินเดียมีประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่าไทยมาก แต่ยังยอมลงทุน ส่วนไทยยังใช้ "บัตรโหล" เป็นบัตรเลือกตั้ง
ต้องขอบคุณข้อมูลเกี่ยวกับ กกต.อินเดีย จาก "โชคสุข กรกิตติชัย" วิทยากรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานบริการวิชาการ 1 สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร