svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯ หารือลาว-เมียนมา แก้ "มลพิษหมอกควันข้ามแดน"

07 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พล.อ.ประยุทธ์" หารือกับนายกสปป.ลาว-เมียนมา มุ่งแก้ปัญหา “มลพิษหมอกควันข้ามแดน” เพื่อประโยชน์ และความเป็นอยู่ของ ปชช. ทั้งสามประเทศ

7 เมษายน 2566 ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสามฝ่ายระหว่างราชอาณาจักรไทย ร่วมกับ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และพล.อ.อาวุโส มิน ออง ไลง์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เรื่องการจัดการปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน (ผ่านระบบ Video Conference)

พร้อมด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เข้าร่วมการประชุมด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า

ไทย หารือ ลาว-เมียนมา แก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณการประชุมร่วมครั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและ ประสบการณ์การจัดการกับปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน และร่วมกันแสวงหาแนวทางที่สร้างสรรค์และเป็นรูปธรรม ในการรับมือกับสถานการณ์ เนื่องจากทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญที่ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยที่ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสามประเทศ เราจำเป็นต้องผนึกกำลังเพื่อช่วยกันและกันในการแก้ไขปัญหานี้

ขณะที่ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโส คณะทำงานภายใต้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนว่า เป็นผลจากสภาวะอากาศที่แห้งแล้งในอนุภูมิภาคแม่โขงช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ทำให้มีจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นจากการเผาในที่โล่ง และเกิดปัญหาหมอกควันข้ามแดน

ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการอาเซียน ได้แจ้งเตือนต่อระดับปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นระดับสูงสุด (ระดับ 3) สำหรับภาพรวมจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในปี 2566 พบว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 93 โดยเป็นการเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันคือ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 5 เมษายน

ด้าน นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว กล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีไทยที่มีบทบาทเด่นในประเด็นนี้ รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มจัดการประชุมวันนี้(7 เม.ย) ลาวเห็นด้วยที่ต้องมีความร่วมมือหาทางออกร่วมกัน โดยเห็นด้วยกับความร่วมมือในระดับอาเซียน และการเพิ่มความตระหนักรู้ เพิ่มความเข้าใจให้ประชาชนเข้าใจถึงสาเหตุ และปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน

นายกฯ หารือลาว-เมียนมา แก้ "มลพิษหมอกควันข้ามแดน"

พล.อ.อาวุโส มิน ออง ไลง์ นายกรัฐมนตรีเมียนมา กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเพิ่มความร่วมมือเพื่อควบคุม บริหารจัดการร่วมกัน เมียนมาจะดำเนินการอย่างเข้มแข็งขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาค และเชื่อว่าความมุ่งมั่นร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดจะเป็นประโยชน์กับทุกประเทศ และส่งผลเพื่อประโยชน์ในภูมิภาค

สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยตระหนักถึงปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนและฝุ่นละออง PM 2.5 ว่าเป็นปัญหาเร่งด่วน โดยเมื่อพิจารณาจากสาเหตุแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ได้แก่

     1. ปัญหาหมอกควันในอนุภูมิภาคแม่โขง ตอนเหนือของอาเซียน (ไทย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งเกิดขึ้นในหน้าแล้งของทุกปี (มกราคม - เมษายน)

     2. ปัญหาหมอกควันทางตอนใต้ของอาเซียน (อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย) เกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม–กันยายนของทุกปี

นายกฯ หารือลาว-เมียนมา แก้ "มลพิษหมอกควันข้ามแดน"

ปัจจุบัน ปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดน มีความรุนแรงมากจนกลายเป็นปัญหารุนแรงด้านสุขภาพของประชาชน และกระทบต่อการท่องเที่ยวอันจะมีผลต่อรายได้ของประเทศ รัฐบาลไทยได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ ทุกปีไทยจัดประชุมถอดบทเรียนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง เพื่อจัดทำแผนเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง

โดยยกระดับความเข้มงวดใน 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เมือง เช่น การให้ความสำคัญกับแหล่งกำเนิดมลพิษจากการจราจรและโรงงานอุตสาหกรรม และพื้นที่เกษตรกรรม เช่น การส่งเสริมการหยุดเผาวัสดุและพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ป่า เช่น การควบคุมปัญหาไฟป่า การให้ความรู้แก่ประชาชน และการดับไฟป่า เป็นต้น

ประเทศไทยได้จัดทำมาตรการระยะยาว ปี 2567 – 2570 เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษ ในระดับทวิภาคี ไทยร่วมมือกับมิตรประเทศมาโดยตลอด โดยได้ส่งมอบเครื่องตรวจวัด PM 2.5 ให้ฝ่ายเมียนมาที่เมืองตองจี และท่าขี้เหล็ก เมื่อเดือนกันยายน 2565 และสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ไทยสนับสนุนแก่ สปป.ลาว และเมียนมา ได้มีส่วนช่วยติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศในแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี

ในระดับภูมิภาค ไทยสนับสนุนข้อตกลงอาเซียน ว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และแผนปฏิบัติการเชียงราย ค.ศ. 2017 โดยเมื่อปี 2565 ไทยสามารถลดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ภาคเหนือจากปี 2564 ได้ร้อยละ 61 และค่าเฉลี่ย PM 2.5 ลดลงร้อยละ 27

ในระดับอนุภูมิภาค ตามแผนปฏิบัติการเชียงราย สามารถลดจุดความร้อนได้จาก 139,098 จุด ในปี 2564 เหลือ 108,916 ในปี 2565 และรายงานข้อมูลสถานการณ์จุดความร้อนและการดำเนินการของไทย ให้สำนักเลขาธิการอาเซียนทราบอย่างต่อเนื่องด้วย โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ไทยมีหนังสือถึงสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อขอให้ประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงผนึกกำลังแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาค

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทั้ง 3 ประเทศกระชับความร่วมมือ รวมถึงร่วมมือกับประเทศอาเซียนในการแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ดังนี้

     1. ปฏิบัติตามเป้าหมายในการลดจุดความร้อนตามแผนปฏิบัติการเชียงราย เพื่อควบคุมมลพิษในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง จัดตั้งระบบเตือนภัยและส่งเสริมประสิทธิภาพการดับไฟ การบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมถึงพัฒนาความสามารถเจ้าหน้าที่

     2. ใช้ประโยชน์จากกลไกในทุกระดับ ในระดับทวิภาคี ไทยจะเสนอให้ส่งเสริมความร่วมมือเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนในระดับจังหวัด ในระดับอาเซียน ไทยจะเสนอในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 ให้ผู้นำอาเซียนพิจารณาสั่งการ เร่งแก้ปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมละรอบด้าน

     3. แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ รวมถึงแนวทางดำเนินการด้านกฎหมายของแต่ละประเทศ เพื่อควบคุมต้นเหตุของปัญหา รวมทั้ง เพิ่มการช่วยเหลือเกษตรกรในการบริการจัดการของเสีย โดยแปรให้เป็นพลังงาน เช่น การทำโรงไฟฟ้า BCG เปลี่ยนของเสียให้เป็น ปุ๋ย ไฟฟ้า และน้ำมันดีเซลให้กับประชาชน การทำโรงงานไบโอก๊าซขนาดเล็กตามชุมชนขนาดเล็ก ตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และการแปรรูปกากที่เหลือจากการเกษตรเป็นวัสดุที่เป็นรายได้

พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวสนับสนุน ความร่วมมือระหว่างเครือข่าย การวัดดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศในอนุภูมิภาคเพิ่มประสิทธิภาพการพยากรณ์ และการแจ้งเตือน ตลอดจน เสนอให้เจ้าหน้าที่อาวุโสของแต่ละประเทศที่รับผิดชอบในประเด็นการจัดการมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน หารือกันในช่วงบ่ายวันนี้(7 เม.ย.) ต่อยอดผลลัพธ์จากการหารือนี้ พิจารณาแนวทางการรับมือ และการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการหารือในวันนี้เป็นความคาดหวังของประชาชน จะแก้ไขปัญหา กำหนดผลลัพธ์ และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดจำนวนจุดความร้อนให้มากที่สุด เร็วที่สุด เพื่อประชาชนของทั้ง 3 ประเทศ

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงมิตรภาพของ 3 ประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกัน ที่ทำให้ทั้ง 3 ประเทศห่วงใย คำนึงถึงกัน ส่งกำลังใจให้กันเพื่อความสงบสุข ปลอดภัย และความผูกพัน นอกจากนี้ ยังฝากถึงประเด็นความร่วมมือระหว่างกันเพื่อประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การสาธารณสุข ท่องเที่ยว การค้าชายแดน ป้องกันปัญหายาเสพติด การหลอกลวงออนไลน์ เป็นต้น

logoline