svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

สตีฟ เดอเบิร์ก เจ้าของสถิติที่ ทอม เบรดี ทำลายไม่สำเร็จ

11 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แม้จะสร้างสถิติใหม่ ๆ ขึ้นมากมาย เช่นเดียวกับการเป็นผู้เล่นยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ NFL แต่ก็ยังมีบางสถิติที่ ทอม เบรดี ไม่อาจทำลายได้ หนึ่งในนั้นคือการเป็นควอเตอร์แบ็กอายุมากที่สุดที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงของ สตีฟ เดอเบิร์ก

Highlights

  • แม้ไม่ประสบความสำเร็จได้เทียบเท่า ทอม เบรดี แต่ สตีฟ เดอเบิร์ก ก็จะยังเป็นเจ้าของสถิติควอเตอร์แบ็กอายุมากที่สุดที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริงไปอีกหลายปี เมื่อจอมทัพรุ่นน้องประกาศเลิกเล่นแล้ว
  • เส้นทางชีวิตของเดอเบิร์กเต็มไปด้วยความโลดโผน ต้องขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งกับทั้ง แดน มาริโน, จอห์น เอลเวย์, สตีฟ ยัง และ วินนี เทสตาเวอร์ดี และเกือบได้แหวนซูเปอร์โบว์ลมาครองในเกมสุดท้ายของชีวิต ก่อนจะถูกพรากไปโดยรุ่นน้องที่เคยร่วมงานกันอย่าง จอห์น เอลเวย์
  • เคล็ดลับของ เดอเบิร์ก ไม่ซับซ้อนเหมือน เบรดี แต่การดูแลร่างกาย และจิตใจให้พร้อม รวมถึงพึ่งพาโชคอีกเล็กน้อย และแม้จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนอีกฝ่าย แต่ชื่อของเจ้าตัวก็จะถูกหยิบยกมาพูดถึงเสมอ ในฐานะเจ้าของสถิติที่จะยังคงอยู่ต่อไปไม่ต่ำกว่าสิบปี

--------------------

          การประกาศรีไทร์ของ ทอม เบรดี สุดยอดควอเตอร์แบ็กตลอดกาลของวงการ NFL ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีมานี้

 

          "อังเคิล ทอม" เลิกเล่นในวัย 44 ปี และเป็นเจ้าของสถิติมากมายตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี แต่การรีไทร์ครั้งนี้ ทำให้เจ้าตัวพลาดโอกาสทำลายสถิติหนึ่งไป

 

          นั่นคือการเป็นควอเตอร์แบ็กอายุมากที่สุด ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในฤดูกาลปกติ ของ สตีฟ เดอเบิร์ก อดีตจอมทัพ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ซึ่งลงเล่นเป็นตัวจริงพบกับ นิวยอร์ค เจ็ตส์ เมื่อ 25 ตุลาคม 1998 ขณะอายุได้ 44 ปี 279 วัน

 

ยั่งยืนในแนวทางที่แตกต่างกัน

(ทอม เบรดี ประกาศอำลาวงการ ทิ้งโอกาสทำลายสถิติของ เดอเบิร์ก ทั้งที่เหลืออีกแค่เพียงปีเดียว / ภาพ AP)
 

          แน่นอนว่านอกจากสถิติดังกล่าวแล้ว เดอเบิร์ก แทบไม่มีอะไรเทียบกับ เบรดี ได้เลย

 

          ตลอด 17 ฤดูกาลในฐานะผู้เล่น เดอเบิร์ก เป็นจอมพเนจรที่ย้ายไปมาระหว่าง 8 ทีมในลีก ซึ่งส่วนใหญ่ในฐานะควอเตอร์แบ็กสำรอง และต้องดูแลตัวเอง โดยไม่มีโค้ชคอยคุมการออกกำลังกาย หรือนักโภชนาการให้คำแนะนำด้านอาหาร

          แม้แต่ เบรดี เอง ยังยอมรับว่าเขาเพิ่งได้ยินชื่อของ เดอเบิร์ก เมื่อตอนที่สื่อสัมภาษณถึงโอกาสที่เขาจะทำลายสถิติของอีกฝ่าย ก่อนเกมซูเปอร์โบว์ล ที่ นิวอิงแลนด์ เพเทรียทส์ พบ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ เมื่อห้าปีก่อน

 

          "ผมไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับเขามาก่อน แต่เขาต้องเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ จากการที่อยู่ในลีกมายาวนาน และต้องให้เครดิตนี้กับเขาด้วย"

 

          แม้จะไม่มีโค้ชฟิตเนสหรือนักโภชนาการ คำแนะนำจาก เดอเบิร์ก ซึ่งครั้งหนี่งให้สัมภาษณ์ว่า เบรดี น่าจะเป็นคนที่ทำลายสถิติของเขาได้ คือ "รักษาสุขภาพให้ดี อยู่กับทีมที่ดี และมีโชค"

 

          เดอเบิร์ก ก็ไม่ต่างจาก เบรดี ที่ต้องคอยตอบคำถามของคนในครอบครัวทุกครั้งหลังจบฤดูกาล ว่าเมื่อไหร่จะเลิกเล่น

 

          แต่เมื่อ เบรดี ตัดสินใจที่จะไม่ไปต่ออีกหนึ่งฤดูกาล เท่ากับสถิติการสตาร์ทเป็นตัวจริงของ "อังเคิล ทอม" จะหยุดอยู่แค่ 44 ปี 173 วัน (นับจนถึงวันที่ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส แพ้ แอลเอ แรมส์ ในรอบดิวิชันนอล เพลย์ออฟ)

 

17 ปีของควอเตอร์แบ็กผู้อาภัพ
(เดอเบิร์ก คือควอเตอร์แบ็กสไตล์ เวสต์โคสต์ ออฟเฟนส์ “คนแรก” ของ บิล วอลช์ / ภาพ Getty Images)

          เทียบกับผู้เล่นหลายคนที่ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งได้สัมผัสการเล่นใน NFL เดอเบิร์ก อาจจะถือว่าโชคดีกว่ามาก แต่ก็ไม่ดีพอที่มักต้องเล่นในบทบาทควอเตอร์แบ็กสำรอง เพราะโชคชะตาเล่นตลก

 

          ย้อนไปในปี 1977 เดอเบิร์ก ถูกดราฟท์โดย ดัลลัส คาวบอยส์ เพื่อวางให้เป็นตัวแทนของ โรเจอร์ สตอแบค ซึ่งขณะนั้นอายุ 35 ปี และกำลังใกล้ปลดระวาง

 

          แต่ในปีนั้น สตอแบค ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จอมทัพรุ่นใหญ่และทีมรับพา คาวบอยส์ ผ่านเข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล และเอาชนะ เดนเวอร์ บรองโกส์ ไป 27-10

 

          หลังจบฤดูกาล เดอเบิร์ก ถูกเทรดไปให้ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส แทน และถือเป็นควอเตอร์แบ็กคนแรกตามแผนเกมรุก เวสต์โคสต์ ออฟเฟนส์ ที่ บิล วอลช์ คิดค้นขึ้น

          แผนของ วอลช์ ช่วยให้ เดอเบิร์ก ทำระยะในการขว้าง และเปอร์เซนต์คอมพลีทอยู่ในลำดับต้น ๆ ของลีก

 

          แต่เจ้าตัวก็โดดเด่นได้ไม่นาน เมื่อในปี 1979 วอลช์ เลือกเทรด โจ มอนตานา ควอเตอร์แบ็กดาวรุ่งจากนอเตรเดมมาสู่ทีม

 

          หลังเสียตำแหน่งให้ มอนตานา เดอเบิร์ก ก็ถึงคราวชีพจรลงเท้าอีกครั้ง คราวนี้ เขาถูกเทรดไปอยู่ เดนเวอร์ บรองโกส์ เพื่อเป็นแบ็กอัพให้ เคร็ก มอร์ทัน ซึ่งใกล้ปลดระวางในปี 1981

 
(เดอเบิร์ก หมายเลข 17 กับ เอลเวย์ หมายเลข 7 ในช่วงเวลาร่วมงานกันสั้น ๆ ที่ เดนเวอร์ / ภาพ Pinterest)

          ตลกร้าย คือแม้จะหนีจาก มอนตานา ที่ โฟร์ตีไนเนอร์ส มาได้ เดอเบิร์ก ก็เจอชะตากรรมซ้ำรอยเดิมที่นี่ เมื่อ แดน รีฟส์ เฮดโค้ชที่เคยร่วมงานกันสั้น ๆ ที่ ดัลลัส ดราฟท์อีกหนึ่งสุดยอดควอเตอร์แบ็ก จอห์น เอลเวย์ มาสู่ทีมในปี 1983

 

          เดอเบิร์ก มีโอกาสเป็นตัวจริง 5 นัดในตอนต้นฤดูกาล และแม้จะมีสถิติ 4-1 แต่สุดท้าย รีฟส์ ก็เลือกให้โอกาส เอลเวย์ มากกว่า และจบลงด้วยการถูกเทรดให้ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ตอนปิดฤดูกาล

 

          ที่ แทมปา เดอเบิร์ก ในวัย 30 ปี ได้รับโอกาสเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอมากขึ้น และมีผลงานดีพอตัว แต่เมื่อมาตรฐานของทีมโดยรวมไม่เอื้อให้เขาคนเดียวพาทีมสู่ชัยชนะได้

 

          การถูกควอเตอร์แบ็กรุ่นน้องเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงได้ ยังเป็นปัญหาของ เดอเบิร์ก เมื่อเขาถูก สตีฟ ยัง แย่งตำแหน่งไปได้ในช่วงกลางฤดูกาล 1986

 

          แม้จะกลับมาเป็นตัวจริงได้ เมื่อ ยัง ย้ายไป โฟร์ตีไนเนอร์ส ตอนจบฤดูกาล แต่ในปีถัดมา เขาก็ถูกแทนที่โดย วินนี เทสตาเวอร์ดี ในช่วงกลางฤดูกาลอีกครั้ง

 

          ในปี 1988 เดอเบิร์ก ย้ายไปเล่นกับ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ และนี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นจอมทัพฝีมือดี ด้วยการนำทีมผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟสำเร็จ
(เดอเบิร์ก ยังคงเป็นควอเตอร์แบ็กสำรองถึงช่วงท้ายอาชีพ เมื่อรับหน้าที่เป็นแบ็กอัพให้ แดน มาริโน ที่ไมอามี ดอลฟินส์ ก่อนตัดสินใจเลิกเล่น / ภาพ Pinterest)

          ในช่วงปลายของชีวิตอาชีพ เดอเบิร์ก ถูกเทรดกลับไป บัคคาเนียร์ส อีกครั้งในปี 1992 ตามด้วย ไมอามี ดอลฟินส์ ในปีถัดมา ก่อนตัดสินใจเลิกเล่นเป็นครั้งแรก ในวัย 39 ปี

 

เฮือกสุดท้ายของเสือเฒ่า
(เดอเบิร์ก เป็นจอมทัพตัวจริงที่อายุมากสุดในประวัติศาสตร์ ในนัดแพ้ เจ็ตส์ / ภาพ Sports Illustrated)

          หลังเลิกเล่นไปเกือบ 5 ปี เดอเบิร์ก กลับมาเล่นอีกครั้งในปี 1998 ขณะอายุ 44 ปี

 

          และคนที่ดึงเขากลับมา ก็คือ แดน รีฟส์ เฮดโค้ชที่เคยร่วมงานกัน ที่ ดัลลัส และ เดนเวอร์ มาก่อนนั่นเอง

 

          บทบาทของ เดอเบิร์ก ในครั้งนี้คืองานถนัดของเจ้าตัว คือเป็นแบ็กอัพให้ คริส แชนด์เลอร์ ที่ แอตแลนตา ฟอลคอนส์

 

          25 ตุลาคม 1998 คือเกมที่เจ้าตัวสร้างสถิติเป็นควอเตอร์แบ็กอายุมากที่สุด ที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ในการพบกับ นิวยอร์ค เจ็ตส์ ซึ่งขณะนั้นมี บิล บิลลิชิค เป็นโค้ชทีมรับ

 

          เดอเบิร์ก ในวัย 44 ปี 279 วัน เจอเกมรับอันดุดันของ เจ็ตส์ เล่นงานจนเสียถึงสามแซ็ค และแพ้ไป 3-28 ขว้างเข้าเป้าเพียง 9 จากทั้งหมด 20 ครั้ง ได้ 117 หลา เสีย 1 อินเตอร์เซปต์

 

          จากนั้น เดอเบิร์ก กลับมาเล่นสั้น ๆ และขว้างทัชดาวน์สุดท้ายในชีวิตของตน ให้ทีมชนะ ไมอามี ดอลฟินส์ ขณะอายุได้ 44 ปี 342 วัน เมื่อ 27 ธันวาคม

 

          เดอเบิร์ก ยังเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดที่อยู่ในทีมชุดเข้าชิงซูเปอร์โบว์ล หรือราวสองสัปดาห์หลังอายุครบ 45 ปี แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สัมผัสกับความสำเร็จ เพราะ เดนเวอร์ บรองโกส์ แชมป์เก่า ซึ่งนำโดย เอลเวย์ อดีตรุ่นน้องของเจ้าตัว ป้องกันตำแหน่งไว้ได้อีกสมัย

 

สถิติด้านอายุอื่น ๆ ที่ เบรดี ไม่อาจทำลาย
 
(สถิติขว้างคอมพลีท และขว้างทัชดาวน์ของ จอร์จ แบลนดา จะคงอยู่ไปอีกนาน / ภาพ raiders.com)
          นอกจากสถิติของ เดอเบิร์ก แล้ว ยังมีสถิติ NFL อีกสองเรื่องที่ เบรดี จะหมดโอกาสทำลายเช่นกัน หลังตัดสินใจเลิกเล่น

 

          นั่นคือการเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดที่ขว้างเข้าเป้าของ จอร์จ แบลนดา ที่ทำไว้ในปี 1975 ขณะอายุได้ 48 ปี 95 วัน

 

          แบลนดา ยังเป็นผู้เล่นอายุมากสุดที่ขว้างทัชดาวน์สำเร็จ ให้ เรดเดอร์ส ในเกมพบ คาวบอยส์ เมื่อ 14 ธันวาคม 1974 ขณะอายุ 47 ปี 88 วันด้วย

 

ใครบ้างมีโอกาสทำลายสถิติ เดอเบิร์ก
          คำถามคือยังมีผู้เล่นคนไหนที่มีโอกาสทำลายสถิติของ เดอเบิร์ก ภายในสิบปีนับจากนี้?
 
(ไรอัน ฟิทซ์แพทริค อาจจะเลิกตาม เบรดี ก่อนทำลายสถิติ เดอเบิร์ก ได้ / ภาพ The Washington Post)

          คนแรก คือ ไรอัน ฟิทซ์แพทริค ซึ่งจะอายุครบ 40 ปี ในเดือนพฤศจิกายน

 

          ปัญหาของ ฟิทซ์แพทริค คือสัญญาของเจ้าตัวกับ วอชิงตัน กำลังจะหมดอายุหลังจบฤดูกาล และมีอาการบาดเจ็บสะโพกเรื้อรัง

 

          อย่าว่าแต่การประคองตัวเล่นต่อไปอีกห้าปี บางที ฟิทซ์แพทริค อาจจะต้องประกาศเลิกเล่นตาม เบรดี ไปเมื่อจบฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำ

 
(สิ่งที่ แอรอน ร็อดเจอร์ส ต้องคิดในตอนปิดฤดูกาล คือทีมไหนเหมาะที่สุด ในช่วงปลายชีวิตการเล่น / ภาพ Sports Illustrated)

          ถัดมาคือ แอรอน ร็อดเจอร์ส ซึ่งเพิ่งอายุ 38 ปี เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

 

          การจะเล่นต่อไปอีกเจ็ดปี เพื่อทำลายสถิติของ เดอเบิร์ก อาจขึ้นกับว่าเจ้าตัวจะเลือกอนาคตของตัวเองอย่างไร ในฐานะฟรีเอเจนต์ หลังหมดสัญญากับ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ตอนจบฤดูกาล ซึ่งอาจเป็นประเด็นน่าสนใจมากกว่าด้วยซ้ำ

 

          เพราะทางเลือกของเจ้าตัว มีตั้งแต่ต่อสัญญาใหม่กับ แพ็คเกอร์ส ย้ายตาม เนธาเนียล แฮคเกตต์ ไป เดนเวอร์ บรองโกส์ หรืออาจมีทีมอื่น ๆ ติดต่อเข้ามาให้พิจารณา
(แม็ตต์ ไรอัน สถิติอาจไม่สำคัญเท่าแหวนซูเปอร์โบว์ลซักวงก่อนอำลา / ภาพ Atlanta Falcons)

          เทียบกับทั้งสองคนแล้ว แม็ตต์ ไรอัน ซึ่งจะอายุครบ 37 ปี ในเดือนพฤษภาคม อาจมีโอกาสมากที่สุด

 

          จอมทัพของ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ มีผลงานสม่ำเสมอมาตลอด และรักษาสภาพร่างกายไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแต่เป้าหมายหลักของเจ้าตัวอาจไม่ได้อยู่ที่การทำลายสถิติของ เดอเบิร์ก ทว่า เป็นการคว้าแหวนซูเปอร์โบว์ลให้ได้ซักวงมากกว่า หลังปล่อยโอกาสนั้นหลุดมือไปเมื่อหกปีก่อน

 

          การดูแลร่างกายให้ดี และมีโชคช่วยซักเล็กน้อย คือสิ่งที่ เดอเบิร์ก ว่าไว้ตั้งแต่ตอนที่ เบรดี ยังมีโอกาสทำลายสถิติของตน

 

          "และยิ่งคุณประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเรื่องอื่นแทรกเข้ามาให้ไขว้เขวได้ง่ายขึ้นเท่านั้น"

 

          "สำหรับผม คนที่เป็นตำนานจริง ๆ คือคนที่สามารถพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ได้ แม้จะอยู่ในช่วงปลายอาชีพการเล่นแล้วก็ตาม"

--------------------

SOURCE

logoline