เจค พอล จากวัยรุ่นดิสนีย์ สู่คนนอกผู้เขย่าวงการมวย
จากเด็กหนุ่มที่ห่ามเกินจนช่องดิสนีย์ปลดออกกลางอากาศ เจค พอล ผันตัวไปสู่ยูทูบเบอร์ชื่อดัง และค้นพบเส้นทางสายใหม่ จนกลายเป็นหนึ่งในทอล์คออฟเดอะทาวน์ของวงการมวยยุคปัจจุบัน
Highlights
- ขณะที่ โลแกน พอล พี่ชายมีโอกาสได้ชกกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ในไฟต์แบบไม่เป็นทางการที่หลายคนมองเป็นเรื่องตลก เจค พอล กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการมวยอาชีพคนล่าสุด
- เจค มีสถิติชนะ 5-0 นับแต่เทิร์นโปร และอาจมีโอกาสได้ขึ้นชกกับ ทอมมี ฟิวรี น้องชายของ ไทสัน ฟิวรี ในอนาคตด้วย
- และถ้าพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเป็น “ของจริง” ในอนาคต อาจมียูทูบเบอร์ที่ก้าวขึ้นไปชิงเข็มขัดแชมป์โลกได้เช่นกัน
--------------------
ในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสที่เปิดกว้าง เราถึงได้เห็นคนหนุ่มสาวจำนวนมากสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผ่านพลังของโซเชียลมีเดีย
หลายคนแสดงให้เห็นถึงทักษะที่หลากหลาย ทั้งการแสดง การพูด ร้อง เต้น เล่นดนตรี ฯลฯ จนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามากมาย
เจค พอล เด็กหนุ่มชาวอเมริกันก็เป็นหนึ่งในนั้น
เจค คือน้องชายของ โลแกน พอล ยูทูบเบอร์คนดังที่มีผู้ติดตามกว่า 23.2 ล้านคน (ข้อมูลเมื่อเดือน ธ.ค. 64) ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อบุกเข้าไปถ่ายทำคลิปในป่าอาโอกิงาฮาระ หรือป่าฆ่าตัวตายในญี่ปุ่น เมื่อสามปีก่อน
และเพิ่งขึ้นเวทีชกในไฟต์อย่างไม่เป็นทางการกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ขณะที่ เจค ซึ่งสร้างชื่อจากซีรีส์คอมเมดี Bizaardvark บน Disney Channel เมื่อหลายปีก่อน กำลังถูกจับตามองจากคนในวงการมวยอยู่ในเวลานี้
ด้วยสถิติชนะ 5 ไฟต์รวดตั้งแต่เทิร์นโปร เมื่อสองปีก่อน โดยเฉพาะในไฟต์ล่าสุดที่เอาชนะ ไทโรน วูดลีย์ อดีตแชมป์เวลเทอร์เวทของ UFC ได้อย่างหมดจด
วัยรุ่นดิสนีย์
ในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น เจค ไม่ต่างจากเด็กรุ่นเดียวกันที่สนใจโลกของโซเชียลมีเดีย และสร้างชื่อให้ตัวเองบนแพลตฟอร์มวิดีโอ Vine ในเครือของ Twitter ก่อนย้ายมาสร้างแชนแนลบน YouTube และนำเสนอคอนเทนต์การเล่นแผลง ๆ ตามสไตล์วัยรุ่น และเพลงแร็ปที่แต่งขึ้นเอง
เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้าง เจค ก็ได้รับการติดต่อให้ร่วมแสดงในซีรีส์ Bizaardvark บน Disney Channel
แต่เพราะความห่ามเกินพิกัด จนสร้างความเดือดร้อนและรำคาญให้เพื่อนบ้านอยู่เสมอ ระหว่างการทำแชนแนลส่วนตัว เจค จึงถูกทาง Disney ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องภาพลักษณ์ของนักแสดงในสังกัด กดดันให้ถอนตัวจากซีรีส์ดังกล่าวในที่สุด
เดอะแร็ปเปอร์
การถูกบีบให้ออกจาก Disney Channel อาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับแบดบอยอย่าง เจค เท่าไหร่
เพราะก่อนร่วมแสดงในซีรีส์ Bizaardvark เจ้าตัวก็มีฐานผู้ติดตามมากพอสมควรแล้ว และกลายเป็นว่าข่าวการถูกเชิญออกยิ่งทำให้เจ้าตัวเป็นที่รู้จักยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เจค หันมาทำงานเพลงของตัวเองอย่างเต็มตัว และใช้แชนแนลบน YouTube ในการเผยแพร่ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอตัว
โดยเฉพาะซิงเกิล It's Everyday Bro ซึ่งทำร่วมกับเพื่อน ๆ ในนาม Team 10 ที่ติดอันดับ Billboard Hot 100 และได้รับรางวัลแพลทตินัมจาก RIAA ด้วย
และทุกวันนี้ เจ้าตัวก็ยังทำงานเพลงควบคู่กับการเป็นยูทูบเบอร์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
สงครามยูทูบเบอร์
สองพี่น้อง พอล ไม่ใช่กลุ่มแรก ๆ ที่ผันตัวจากยูทูบเบอร์สู่วงการหมัดมวย
KSI และ โจ เวลเลอร์ สองอินฟลูเอนเซอร์ชาวอังกฤษ ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ชกบนเวทีเลย ทั้งระดับอาชีพและสมัครเล่น ท้าทายกันผ่านโลกโซเชียล จนนำไปสู่ไฟท์พิเศษ ที่คอปเปอร์ บ็อกซ์ อารีนา ในลอนดอน
และกลายเป็นปรากฎการณ์ขนาดย่อม ๆ ด้วยยอดผู้ชมแบบสด ๆ กว่า 1.6 ล้านคน และเพิ่มเป็น 21 ล้านวิวภายในวันเดียว เมื่อคลิปเผยแพร่ออกไป จนกลายเป็นศึก white-collar (ไฟต์ที่ทั้งสองฝั่งไม่เคยขึ้นชกในระดับไหนมาก่อนเลย) ซึ่งมียอดวิวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในที่สุด
ไฟต์นั้นจบลงด้วยชัยชนะของ KSI จนฮึกเหิมประกาศท้าทายสองพี่น้องตระกูลพอล ให้มาพิสูจน์ฝีมือกัน
และลงเอยด้วยการที่ โลแกน ผู้พี่จะพบกับ KSI และ เจค พบกับ เดจี โอลาทันจิ น้องชายของ KSI ที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ในเดือนสิงหาคม 2018
ขณะที่คู่เอก ระหว่าง โลแกน กับ KSI จบลงด้วยผลเสมอ อีกคู่จบลงด้วยการที่ เจค ชนะ TKO เดจี ในยกที่ห้า และกลายเป็นตัวจุดประกายให้ เจค เริ่มสนุกกับวงการหมัดมวย ก่อนประกาศเทิร์นโปรในอีกหนึ่งปีถัดมา
5 ไฟต์ยังไร้พ่าย
ศึกแรกของ เจค ในฐานะนักมวยอาชีพ ยังเป็นการพบกับยูทูบเบอร์ที่หันมาชกมวยเช่นกัน AnEsonGib หรือ Gib ในฐานะคู่ประกอบรายการศึกชิงแชมป์โลกมิดเดิลเวท WBO ระหว่าง เดเมทริอุส อันดราเด กับ ลุค คีเลอร์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2020 ผลจบด้วยชัยชนะ TKO ของ พอล ในยกแรก
ไฟต์ถัดมา พอล ขึ้นเวทีชกกับ เนท โรบินสัน อดีตนักบาสเกตบอล NBA ในฐานะคู่ประกอบรายการระหว่าง ไมค์ ไทสัน กับ รอย โจนส์ จูเนียร์ ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน และชนะน็อค โรบินสัน ในยกที่สอง
ต้นปี 2021 เจค ประกาศท้า เบน แอสเครน อดีตแชมป์ MMA รุ่นเวลเทอร์เวทของ ONE โดยถ่ายทอดสดแบบ pay-per-view ผ่านแพลตฟอร์ม Triller ก่อนชนะ TKO ในยกแรก ต่อหน้าผู้ชมกว่า 1.45 ล้านคน
หลังไฟต์กับ แอสเครน จบ เจค ก็ประกาศท้า ไทโรน วูดลีย์ อดีตแชมป์เวลเทอร์เวทของ UFC เพื่อนสนิทของ แอสเครน ซึ่งมีเรื่องท้าทายกันตั้งแต่ตอนแถลงข่าว และตกลงที่จะพบกันในเดือนสิงหาคม ซึ่งจบลงด้วยการชนะคะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ของ เจค
จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ วูดลีย์ ก็ได้โอกาสแก้มือ เมื่อ ทอมมี ฟิวรี น้องชายของ ไทสัน ฟิวรี ที่ถูกกำหนดให้เป็นคู่ชกคนต่อไปของ เจค ประกาศถอนตัว
ในการรีแมตช์ เจค ทำได้เหนือกว่าตลอดการชก ก่อนจะชนะน็อค วูดลีย์ ได้สำเร็จในยกที่หก
ของจริงหรือของปลอม?
แม้จะมีสถิติชนะ 5-0 แต่หลายคนยังตั้งคำถามกับ เจค ว่าเป็นของจริงหรือปลอม
เพราะคู่แข่งทั้งสี่คนที่ เจค ผ่านมา มีทั้ง ยูทูบเบอร์, อดีตนักบาสเกตบอล, อดีตแชมป์ MMA ที่ผ่านการผ่าตัดสะโพกมา หรือแม้แต่ วูดลีย์ ก็ถูกมองว่าแก่เกินไป (วูดลีย์ อายุ 39 แก่กว่า เจค 15 ปี)
ฟิวรี คนน้องที่มีสถิติ 7-0 ซึ่งประกาศว่าพร้อมจะชกกับ เจค ในปี 2022 เมื่อหายดี จึงน่าจะเป็นบททดสอบ "ของจริง" สำหรับยูทูบเบอร์หนุ่ม
และถ้า เจค พิสูจน์ตัวเองได้จริง หลายคนก็คาดว่าเจ้าตัวอาจขยับจากรุ่นครูเซอร์เวท ขึ้นไปท้าชิงเข็มขัดรุ่นเฮฟวีเวทจาก ไทสัน พี่ชายของ ทอมมี ฟิวรี ก็ได้ ด้วยแรงสนับสนุนจากโซเชียลมีเดีย
เหมือนที่เจ้าตัวเปรยไว้หลังจบไฟต์ล่าสุดกับ วูดลีย์ ว่า "บางที เมื่อถึงเวลา ผมอาจจะขอท้าชิงแชมป์โลกบ้างก็ได้ จะของสถาบันไหน IBF, WBA หรือ WBO ได้หมด"
"แต่มันคงจะตลกดี ถ้าผมได้เป็นแชมป์โลกขึ้นมาจริง ๆ ทั้งที่ผมเป็นแค่ยูทูบเบอร์คนนึง เมื่อไหร่ที่ผมไปถึงตรงนั้น ผมจะขว้างเข็มขัดลงพื้นแล้วก็กระทืบมันซะ"
"เพราะตำแหน่งแชมป์มันอยู่ที่นี่ (ชี้ที่อก) ผมรู้ว่าตัวเองเป็นแชมเปี้ยน ก่อนที่จะมีใครมาบอกผมซะอีก”
และหากวันนั้นเกิดขึ้นจริง ไม่ว่า เจค จะได้เข็มขัดแชมป์โลกหรือไม่ แต่ไฟต์นั้น ก็ยังจะเป็นการฉีกทุกกฎของวงการมวยโลกอยู่ดี
เมื่อคนนอกที่ไม่ถูกคนในวงการมองว่าเป็นนักมวย พาตัวเองไปถึงไฟต์สำคัญที่สุดในอาชีพได้
--------------------
SOURCE