Highlights
--------------------
เสาร์ที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ต และอุตสาหกรรมรถยนต์
เมื่อการแข่งขันยานยนต์อัตโนมัติ Indy Autonomous Challenge ครั้งแรก ถูกจัดขึ้นที่สนาม Indianapolis Motor Speedway และผ่านพ้นไปด้วยดี หลังจากไอเดียนี้ถูกริเริ่มขึ้น ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน และเจอกับความท้าทายหลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
ยานยนต์อัตโนมัติคืออะไร?
ยานยนต์อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) คือหนึ่งในเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างถูกผลักดันให้เป็นจริง ควบคู่ไปกับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle)
ด้วยแนวคิดที่ว่าความแม่นยำของเซนเซอร์ตรวจจับระยะทางและความลีก กล้อง ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ จะช่วยลดอุบัติเหตุ รวมถึงปัญหาการจราจรในอนาคตได้ดีกว่ายานพาหนะที่ขับโดยมนุษย์
ระดับของยานยนต์อัตโนมัติ ที่กำหนดโดยสมาคมวิศวกรยานยนต์นานาชาติ หรือ SAE มีดังนี้
ยานยนต์อัตโนมัติในสนามแข่งขัน
การแข่งขันรถรายการต่าง ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็คือสนามทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งจะถูกนำมาต่อยอดสำหรับการใช้งานบนท้องถนน
ในกรณีของยานยนต์ไฟฟ้า หรือแม้แต่ยานยนต์อัตโนมัติก็เช่นกัน
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้านั้น มี Formula E ที่ริเริ่มโดย ฌอง ทอดท์ ประธาน FIA และ อเลฮานโดร อากาก มาหลายฤดูกาลแล้ว
รวมถึงเป็นการปูทางไปสู่ Roborace ที่แยกออกมา ในฐานะรายการสาธิต ตั้งแต่ฤดูกาล 2016-2017 และเริ่มเข้าสู่การทดสอบตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา
หลังจากผ่านช่วงทดสอบ อัลฟา และ เบต้า มาสองฤดูกาล พร้อมสร้างสถิติในกินเนสส์บุ๊ค ในฐานะยานยนต์อัตโนมัติที่เร็วที่สุดในโลก (282.42 กม./ชม.) ทางผู้จัดก็ประกาศว่า Roborace จะเริ่มแข่งขันอย่างเป็นทางการในปี 2022
ศึกยานยนต์อัตโนมัติระดับมหาวิทยาลัย
ไอเดียของ IAC นั้น ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 ด้วยแนวคิดที่จะให้นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้มีส่วนร่วมพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับยานยนต์อัตโนมัติ โดยใช้บรรยากาศในสนามแข่งรถเพื่อเพิ่มความท้าทาย
เพื่อความเท่าเทียม และวัดกันที่ความสามารถในการเขียนอัลกอริทึมของนักศึกษา ทางฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดให้ทุกทีมใช้รถรุ่นเดียวกัน คือ Dallara AV-21 ซึ่งเป็นแชสซีส์แบบเดียวกับที่ใช้ในรายการ Indy Lights
หลังจากเปิดให้ลงทะเบียน มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วโลกกว่า 45 แห่ง แสดงความสนใจเข้าร่วม ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก ทั้งในรูปแบบจำลอง และสนามจริง จนเหลือ 20 ทีมสุดท้ายตามแผนที่วางไว้ในทีแรก
แต่ปัญหาจากการระบาดของโควิดในรอบเกือบสองปีมานี้ ทำให้หลาย ๆ ทีมไม่สามารถระดมทุนได้เพียงพอเพื่อเข้าร่วม จนสุดท้ายก็เหลือทีมที่เข้าแข่งเพียง 9 ทีม ซึ่งทั้งหมดมีเวลาเตรียมตัว 50 วัน ทั้งที่ Indianapolis Motor Speedway (IMS) และ Lucas Oil Raceway ในบริเวณใกล้เคียง
เพื่อให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในรอบสุดท้าย ในวันที่ 23 ตุลาคม 2021
รอบสุดท้าย และอนาคตของวงการยานยนต์
เดิมในการแข่งรอบสุดท้าย ที่สนาม Indianapolis Motor Speedway ระยะทาง 2.5 ไมล์ นั้น ทางผู้จัดวางแผนไว้ให้การแข่งแบบเฮดทูเฮด จำนวน 20 รอบ
แต่ด้วยความไม่พร้อมในหลาย ๆ ด้าน ทำให้รูปแบบเปลี่ยนเป็นการปล่อยรถทีละคันเพื่อจับเวลา โดยรถที่มีความเร็วเฉลี่ยดีที่สุดจะได้ตำแหน่งแชมป์ไปครอง
สำหรับ 9 ทีมที่ผ่านเข้ามาถึงจุดนี้ ประกอบด้วย
ในการแข่งขันจริง ทั้ง 9 ทีมจะมีโอกาสทดสอบรถในสนาม Indianapolis Motor Speedway 4 รอบ และจับเวลาอีก 2 รอบ
ผลปรากฎว่ารถส่วนใหญ่แข่งขันไม่จบ เสียหลักพุ่งชนกำแพงของสนาม IMS เกือบทั้งหมด
TUM Autonomous Motorsport จากมหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิค ได้แชมป์รายการนี้ไปครอง ด้วยเวลารวมดีที่สุด ทำความเร็วสูงสุดที่ 135.944 ไมล์/ชม. หรือ 218 กม./ชม. รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์
ถัดมาคือ EuroRacing ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุดในรอบแรกที่ 223 กม./ชม.
แต่ความผิดพลาดของทีมงาน ที่ตีความกติกาการแข่งขันผิด โปรแกรมการวิ่งของรถไว้เพียง 5 รอบ (วอร์มอัพ 4 รอบ + การแข่ง 1 รอบ) แทนที่จะเป็น 6 รอบ (วอร์มอัพ 4 รอบ + จับเวลา 2 รอบ)
แม้รถจะวิ่งต่อได้ในรอบที่ 6 แต่ก็ทำความเร็วได้ที่ 144 กม./ชม. ทำให้เวลาเฉลี่ยสองรอบด้อยกว่า TUM โดยปริยาย
"นี่เป็นความท้าทายที่น่าทึ่ง นักศึกษาที่เก่งที่สุดจากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดทั่วโลกมาร่วมแข่งขันเพื่อเขียนซอฟต์แวร์ ที่จะส่งผลต่ออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์" คือความเห็นของ พอล มิทเชลล์ ประธานและซีอีโอของ Energy Systems Network และหนึ่งในผู้ร่วมจัดการแข่งขัน
"ความหลากหลายของสมาชิกในแต่ละทีม จากตัวแทนของ 4 ทวีป แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมและทะเยอทะยานของวิศวกรรุ่นใหม่ทั่วโลก"
--------------------
SOURCE