
ศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ณ สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม อาร์เซน่อล ภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า ต้องลุ้นหนักจนถึงช่วงดวลจุดโทษก่อนจะเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไปได้ด้วยสกอร์รวม 9-8 (เสมอในเวลา 1-1) ตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ เชลซี ในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า
เกมนี้ กาเบรียล เชซุส กองหน้าชาวบราซิลลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในรอบเกือบปี และทำสถิติลงเล่นครบ 100 นัดให้กับสโมสร โดยอาร์เซน่อลได้ประตูนำก่อนจากการทำเข้าประตูตัวเองของ มักซ็องส์ ลาครัวซ์ ในนาทีที่ 80 แต่ช่วงท้ายเกม มาร์ค เกฮี มาโหม่งตีเสมอให้พาเลซได้สำเร็จ ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งลาครัวซ์กลายเป็นคนพลาดจุดโทษตัดสินส่งให้ "ปืนใหญ่" เข้ารอบได้สำเร็จ
ประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้คือการกลับมาของ กาเบรียล เชซุส ซึ่งมีสถิติการจ่ายบอลสำเร็จมากกว่า วิคเตอร์ เยอเคเรส กองหน้าตัวใหม่ถึง 2 เท่า แม้จะยิงประตูไม่ได้แต่การเคลื่อนที่ของเขาส่งผลโดยตรงต่อ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่กลับมาวูบวาบทางกราบซ้ายอีกครั้ง ความเข้าใจเกมของดาวยิงบราซิลช่วยให้แนวรุกของอาร์เซน่อลไหลลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางชัยชนะ ยังมีคำถามถึงโอกาสของ เอธาน วาเนรี่ ดาวรุ่งวัย 18 ปีที่ยังคงต้องนั่งสำรอง แม้ทีมจะต้องการประตูในครึ่งหลังแต่อาร์เตต้าเลือกส่งตัวหลักอย่าง บูคาโย่ ซาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด ลงสนามแทน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าหากดาวรุ่งรายนี้ไม่ได้รับโอกาสในเกมบอลถ้วย อาจส่งผลต่อพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมของเขาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว