
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา กลายเป็นสุดสัปดาห์ที่ อาร์เซนอล ทำแต้มหนีห่างคู่แข่งได้อีกครั้ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล สามารถหยุดสถิติความพ่ายแพ้ในลีกที่ยืดเยื้อลงได้สำเร็จ
"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง หลังบุกไปเอาชนะ เบิร์นลีย์ 2-0 ทำให้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เก็บชัยชนะในทุกรายการได้เป็นนัดที่ 9 ติดต่อกัน และทำคะแนนฉีกหนีไปนำจ่าฝูงถึง 7 คะแนน
อาร์เซนอลซึ่งกำลังลุ้นแชมป์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004 ได้ประตูในครึ่งแรกจาก วิคตอร์ เยอเคเรส ที่ทำประตูที่ 6 ของฤดูกาล และ ดีแคลน ไรซ์ โหม่งทำประตูที่สองในนาทีที่ 35 ซึ่งถือเป็นอีกนัดที่ทีมทำผลงานเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเก็บ คลีนชีท เป็นนัดที่ 7 ติดต่อกัน และเสียไปเพียง 3 ประตูตลอดทั้งฤดูกาล
ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็สามารถหยุดสถิติพ่ายแพ้ 4 นัดติดต่อกันในลีกได้สำเร็จ หลังเปิดบ้านเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เมื่อ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูวิลลาทำพลาดจ่ายบอลเสียหน้าประตู ทำให้ ซาลาห์ ยิงเข้าไปอย่างง่ายดายในนาทีที่ 45+1 ประตูดังกล่าวทำให้ ซาลาห์ เป็นผู้เล่นคนที่สามในประวัติศาสตร์สโมสรที่ยิงได้ถึง 250 ประตู ต่อจาก โรเจอร์ ฮันท์ และ เอียน รัช
ครึ่งหลัง ไรอัน กราเฟนแบร์ค ยิงประตูที่สองให้ ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะ พร้อมขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของตาราง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดโอกาสขึ้นไปรั้งอันดับ 2 หลังบุกไปเสมอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อย่างตื่นเต้น 2-2
ยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อนจากลูกโหม่งของ กาเซมิโร่ ในนาทีที่ 34 แต่เจ้าถิ่นยิงสองประตูรวดในช่วง 5 นาทีแรกของครึ่งหลังจาก มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ และ นิโกโล่ ซาโวน่า ทำให้ ฟอเรสต์ ขึ้นนำ
รูเบน อโมริม กุนซือยูไนเต็ด ยอมรับว่าทีม "เสียการควบคุมเกมไป 5 นาที"
อาหมัด ดิยัลโล่ กลายเป็นฮีโร่ลงมาซัดลูกวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายสุดสวยจากนอกกรอบเขตโทษในนาทีที่ 81 ช่วยให้ ยูไนเต็ด แบ่งแต้มกลับบ้าน และรักษาสถิติไม่แพ้ใครเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน