
เกิดการยิงประตูกันอย่างดุเดือดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีประตูหนึ่งที่ส่งผลให้สถิติชนะรวด 100% ของ ลิเวอร์พูล ต้องยุติลง
เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ สวมบทฮีโร่ ยิงประตูในนาทีที่ 90+7 ให้ คริสตัล พาเลซ ชนะ "หงส์แดง" 2-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเสียสามแต้มแรกของฤดูกาล และทำให้ช่องว่างของคะแนนลดลงเหลือเพียง 3 แต้ม โดยมี คริสตัล พาเลซ ที่ไร้พ่ายมาแล้ว 18 นัด ขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงอันดับสองอย่างไม่น่าเชื่อ
อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือลิเวอร์พูล ยอมรับหลังเกมว่า "หากมีทีมใดสมควรเป็นผู้ชนะในวันนี้ ทีมนั้นคือ พาเลซ"
อีกทีมใหญ่ที่ประสบปัญหาคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แพ้เป็นนัดที่สามจากหกเกมในลีก และยังคงมีผลงานที่น่าผิดหวังภายใต้กุนซือ รูเบน อโมริม ล่าสุดพวกเขาบุกไปพ่าย เบรนท์ฟอร์ด 1-3
เกมนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีม มีโอกาสสำคัญในการตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 76 จากลูกจุดโทษ แต่กลับยิงไปติดเซฟของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูเบรนท์ฟอร์ด ทำให้ทีมพลาดโอกาสสำคัญ ก่อนที่เจ้าบ้านจะมาตอกย้ำชัยชนะด้วยประตูจาก มาเธียส เยนเซ่น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการบุกไปถล่ม เบิร์นลีย์ 5-1 โดยมีประตูเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาเช่นกัน เมื่อ เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าตัวเก่ง ซัดสองประตูรวดในนาทีที่ 90 และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เขายิงรวมไปแล้ว 8 ประตูในลีก ทิ้งห่างอันดับสองถึง 4 ลูก
ประตูอื่น ๆ ของ แมนซิตี้ มาจาก แม็กซิม เอสเตฟ เซ็นเตอร์แบ็กของเบิร์นลีย์ ทำเข้าประตูตัวเองสองลูก และ มาเธอุส นูเนส ยิงได้หนึ่งประตู ทำให้ แมนซิตี้ ขึ้นมารั้งอันดับสามของตาราง โดยตามหลัง ลิเวอร์พูล 5 แต้ม